ติ๊กต็อกฟ้องกลับ มอนแทนาประเดิมรัฐแรกแบนแอพดังจากจีน

ติ๊กต็อกฟ้องกลับ – วันที่ 23 พ.ค. บีบีซีรายงานว่า ผู้ให้บริการแอพพลิเคชั่นติ๊กต็อก แอพชื่อดังจากประเทศจีน ฟ้องร้องต่อศาลกรณีทางการรัฐมอนแทนา ประเทศสหรัฐอเมริกา สั่งห้ามทุกคนเข้าถึงแอพข้างต้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นับเป็นรัฐแรกของสหรัฐฯ นี่สั่งแบนติ๊กต็อกอย่างสมบูรณ์

ติ๊กต็อก ระบุว่า คำสั่งแบนที่เกิดขึ้นภายในรัฐมอนแทนาขัดแย้งกับสิทธิเสรีภาพการแสดงออกที่ได้รับการปกป้องโดยรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ ท่ามกลางความกังวลและข้อครหาจากหน่วยงานทั่วโลก ว่าข้อมูลของผู้ใช้อาจตกไปอยู่ในมือของพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้

แถลงการณ์โฆษกติ๊กต็อก ชี้แจงว่า การฟ้องร้องให้มีการยกเลิกคำสั่ง เนื่องมาจากเป็นคำสั่งที่มิชอบด้วยกฎหมายของรัฐมอนแทนา ทำให้ติ๊กต็อกต้องดำเนินการปกป้องสิทธิของผู้ใช้งานหลายแสนคนในรัฐดังกล่าวตามหลักสิทธิเสรีภาพการแสดงออกที่ได้บัญญัติไว้ตามรธน.สหรัฐฯ

ติ๊กต็อก ยังแสดงความมั่นใจด้วยว่า จะชนะคดีและสามารถยกเลิกคำสั่งของรัฐมอนแทนาได้เนื่องจากมีข้อมูลหลักฐานแน่นหนาและหลักการข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ว่าขัดแย้งกับมาตรา 1 แห่งรธน.สหรัฐ ซึ่งประกันสิทธิเสรีภาพของบุคคลไว้

โดยข้อมูลที่ทีมทนายความของติ๊กต็อกยื่นต่อศาล ระบุว่า คำสั่งแบนที่เกิดขึ้นล่วงละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้ใช้งานบนแพล็ตฟอร์มทั้งหมด ซึ่งขัดแย้งกับมาตรา 1 ของรธน.แห่งสหรัฐฯ

รายงานระบุว่า คำสั่งแบนของรัฐมอนแทนาจะมีผลบังคับใช้ในเดือนม.ค. 2566 ส่งผลให้แอปเปิ้ลและกูเกิ้ลไม่สามารถบรรจุแอพดังกล่าวไว้ให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดได้ผ่านสโตร์ได้ แต่ไม่ได้ปิดกั้นการเข้าถึงผู้ใช้ติ๊กต็อกที่มีอยู่แล้ว โดยรัฐมอนแทนานั้นมีประชากรอยู่ราว 1 ล้านคน

ข้อมูลจากติ๊กต็อกบ่งชี้ว่าปัจจุบันมีผู้ใช้งานในสหรัฐฯอยู่ราว 150 ล้านคน และมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยกลุ่มที่นิยมใช้แอพดังกล่าวมากที่สุดเป็นวัยรุ่นและหนุ่มสาวตอนต้นอายุ 20 ปีเศษ

อย่างไรก็ดี หน่วยงานของสหรัฐฯ กังวลว่าอาจเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ แม้ค่ายไบต์แดนซ์ ผู้พัฒนาติ๊กต็อกสัญชาติจีน จะยืนยันว่าไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลจีน

นอกจากนี้ ติ๊กต็อก ยังระบุด้วยว่า รัฐมอนแทนากำลังใช้อำนาจเกินขอบเขตเนื่องจากอ้างเรื่องความมั่นคงข้อมูลและชาติ ซึ่งเป็นหน้าที่และอยู่ภายใต้การดูแลของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ พร้อมโต้แย้งข้อครหาที่รัฐบาลจีนอาจเข้าถึงข้อมูลได้ว่าเป็นข้อครหาที่เลื่อนลอยปราศจากหลักฐาน

ด้านทีมกฎหมายของรัฐมอนแทนา เคยระบุไว้ว่า มีการเตรียมการต่อสู้ด้านคดีความมาก่อนแล้วเพราะคาดไว้ว่าอาจถูกฟ้องร้องกลับ ซึ่งรัฐมอนแทนามีความมั่นใจที่จะปกป้องคำสั่งดังกล่าว