ญี่ปุ่น แม้จะมีพัฒนาการที่ดีจนน่าจับตา แต่ก็ยังมีสิ่งที่ขาดหายไปอยู่ สุดท้ายจึงโดนความไม่แน่นอนของฟุตบอลเล่นงาน พ่ายคอสตาริกาไปอย่างน่าเจ็บปวด

หากดูกันตามหน้าเสื่อแล้ว ญี่ปุ่น กำลังคึกสุดขีดหลังชนะเยอรมนีในเกมแรกมาได้ ขณะที่คอสตาริกาน่าจะบอบช้ำเพราะโดนสเปนถล่มขาดลอย กระแสส่วนใหญ่จึงมองว่าญี่ปุ่นน่าคว้าชัยต่อเนื่องและเตรียมลอยลำเข้าสู่รอบน็อกเอาต์

แต่นี่คือฟุตบอล กีฬาที่อะไรก็เกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นการเจอกันของทีมที่ชื่อชั้นห่างกันแค่ไหน หรือสภาพทีมต่างกันอย่างไร แต่ทุกทีมที่อยู่ในสนามล้วนมีสิทธิ์เป็นฝ่ายชนะ

ตลอดเกมญี่ปุ่นเป็นฝ่ายครองบอลบุกใส่ได้ดีกว่าชัดเจน ส่วนคอสตาริกาก็พยายามเน้นความรัดกุม ตั้งรับให้เหนียวแน่นแล้วรอจังหวะโต้กลับอย่างใจเย็น

ญี่ปุ่นแม้จะเดินหน้าบุกได้ แต่ก็แทบทะลวงแนวรับไม่เข้า เพราะญี่ปุ่นนั้นไม่ใช่สเปนที่ใช้ความสามารถเฉพาะตัวที่แพรวพราวของนักเตะเข้ามาประกอบการจ่ายบอลทำชิ่งด้วย เมื่อนักเตะไม่ได้พลิ้วเท่ากัน คอสตาริกาจึงรับมือได้ง่ายกว่า

จะเห็นได้ว่ามีหลายช่วงเวลาที่เกมดูหนืดไปจนน่าเบื่อ ซึ่งเรียกได้ว่าเข้าทางคอสตาริกาที่ต้องการลดความคึกของญี่ปุ่นลงอยู่แล้ว

ที่จริงเกมนี้ทำท่าจะเสมอแบบไร้สกอร์ แต่อย่างที่บอกว่าฟุตบอลนั้นอะไรก็เกิดขึ้นได้ เพียงความผิดพลาดเดียวของญี่ปุ่น จึงถูกคอสตาริกายิงประตูคว้าชัยไปได้หน้าตาเฉย

งานนี้ญี่ปุ่นถือว่าได้รับบทเรียนที่ล้ำค่า เพราะเกมนี้แสดงให้เห็นว่าญี่ปุ่นยังมีจุดที่ขาดหายไป ทำให้ยังไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นทีมชั้นนำของโลก

อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่นนั้นก็มีพัฒนาการด้านฟุตบอลในทางที่ดีแล้ว ขอแค่เดินหน้าเช่นนี้ต่อไป เพิ่มเรื่องความสามารถเฉพาะตัวเข้ามาอีกสักหน่อย และพยายามปิดกั้นความผิดพลาดให้ดีกว่านี้ ญี่ปุ่นก็พร้อมจะกลายเป็นชาติที่น่าจับตายิ่งขึ้นในอนาคต

ส่วนคอสตาริกานั้นแม้จะคว้าชัย แต่ถ้ายังเล่นได้แค่รูปแบบนี้ก็น่าเป็นห่วงอนาคต เมื่อฟุตบอลมีการเดินหน้าทุกวัน หากไม่ปรับปรุงสไตล์ให้หลากหลายขึ้น บางทีแค่เรื่องผ่านเข้ามาเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายยังอาจจะยากด้วยซ้ำไป