สุดสลด หนุ่มวัย 33 ปี เดินเท้ากว่า 24 กิโลเมตร ตามง้อเมีย ก่อนหายตัวนาน 4 วัน ช็อกพบเป็นศพขึ้นอืดกลางทุ่งนา ใกล้ตัวพบยาพ่นแก้หอบหืดตกอยู่
เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 9 พ.ค.2566 ร.ต.ท.วันชนะ น้อยมาก รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.เมืองอ่างทอง รับแจ้งเหตุพบผู้เสียชีวิตบริเวณกลางทุ่งนา ม.6 ต.หัวไผ่ อ.เมือง จ.อ่างทอง หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน แพทย์ พยาบาล โรงพยาบาลอ่างทอง และเจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยจังหวัดอ่างทอง
ที่เกิดเหตุพบร่างผู้เสียชีวิตชื่อ นายนพดล (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี สภาพศพขึ้นอืด มีหนอนชอนไชจำนวนมาก สวมกางเกงขายาวสีดำ สวมเสื้อยืดสีน้ำตาล นอนเสียชีวิตอยู่ในพงหญ้าข้างหัวคันนา เบื้องต้นคาดว่า เสียชีวิตมาแล้ว 3-4 วัน ห่างจากศพประมาณ 3 เมตร พบรองเท้าผ้าใบตกอยู่ 1 ข้าง ขวดยาพ่นแก้หอบหืดสีฟ้า 1 ขวด และกระเป๋าสีฟ้ามีโทรศัพท์ 1 เครื่อง
จากการสอบถาม คนขับรถไถนา ผู้พบศพคนแรก เปิดเผยว่า ขณะนำรถไถนาลงไปเพื่อเตรียมไถนาบริเวณดังกล่าว ต้องตกใจเมื่อพบว่ามีคนเสียชีวิตนอนเน่าอืด สภาพศพมีหนอนชอนไช จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ
ด้าน นางวานิสา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี กล่าวว่า ตนกับนายนพดล ผู้เสียชีวิต เป็นสามีภรรยากัน บ้านพักอยู่ในพื้นที่ ต.บางเสด็จ อ.ป่าโมก แต่ตนมาอาศัยอยู่ที่หอพักแห่งหนึ่งในตัวเมืองอ่างทอง เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ตนได้มีปากเสียงทะเลาะกับนายนพดล จนถึงขั้นถูกตบตีทำร้ายร่างกาย จึงขับรถจักรยานยนต์หลบมาที่อยู่ที่หอพักแห่งหนึ่งในเมืองอ่างทอง และขอเลิกรากับผู้เสียชีวิต
นางวานิสา กล่าวต่อว่า ต่อมานายนพดลได้โทรมาง้อขอคืนดี โดยบอกว่าได้เดินจากบ้านในต.บางเสด็จ จะมาง้อขอคืนดี กระทั่งใกล้ถึงหอพักของตนแล้ว และโทรศัพท์ได้ตัดหายไป จากนั้นก็ติดต่อกับตัว นายนพดลไม่ได้อีกเลย ซึ่งตนเตรียมตัวจะไปแจ้งคนหายกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันนี้ จนมาพบเห็นทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ทำการไลฟ์สดพบศพผู้เสียชีวิตกลางทุ่งนา จึงเดินทางมาดูก็พบว่าเป็นสามีของตนเอง
เบื้องต้นพบว่า ระหว่างทางที่ผู้เสียชีวิตเดินเท้ามา เพื่อตามมาง้อขอคืนดีกับภรรยา ถ้ามาจากบ้านในพื้นที่ ต.บางเสด็จ อ.ป่าโมก ถึงจุดที่พบศพในต.หัวไผ่ อ.เมือง ก็จะเป็นระยะทางประมาณ 24 กิโลเมตร จากการชันสูตรเบื้องต้นตามร่างกายไม่พบบาดแผลของการทำถูกทำร้าย คาดว่าโรคหอบหืดกำเริบหรืออากาศที่ร้อนและเหนื่อย และไม่มีใครมาพบเห็นช่วยเหลือจนทำให้เสียชีวิต
ทางเจ้าหน้าที่จึงได้นำศพส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โรงพยาบาลธรรมศาตร์เฉลิมพระเกียรติ รังสิต เพื่อหาสาเหตุของการเสียชีวิตที่แท้จริงอย่างละเอียดต่อไป