รู้ไว้ดีกว่า 2 ส่วนนี้ของ "หมู" ล้ำค่าดั่งทอง มีประโยชน์พอๆ กับโสม-รังนก แต่คนไม่ค่อยกิน!

Home » รู้ไว้ดีกว่า 2 ส่วนนี้ของ "หมู" ล้ำค่าดั่งทอง มีประโยชน์พอๆ กับโสม-รังนก แต่คนไม่ค่อยกิน!

2 ส่วนนี้ของ “หมู” ล้ำค่าดั่งทอง มีประโยชน์พอๆ กับโสม-รังนก แต่คนไม่ค่อยกิน!

ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ แนะนำว่าหากไปตลาดแล้วเจอหมู 2 ส่วนนี้ อย่าลืมซื้อกลับมาทาน เปรียบล้ำค่าดั่งทองคำ มีคุณค่าทางโภชนาการมากกว่าโสมและรังนก ปรุงขึ้นโต๊ะอาหารบำรุงร่างกายได้ทั้งครอบครัว!

หางหมู

ตามการแพทย์แผนตะวันออก หางหมูมีรสหวาน เค็มเล็กน้อย และมีคุณสมบัติเย็น เชื่อว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย เช่น ให้พลังงานและบำรุงหละพลัง , รักษาปัญหาข้อและกระดูก รวมทั้งการบำรุงผิวด้วย ทั้งกักเก็บความชุ่มชื้นและป้องกันริ้วรอย โดยจะเห็นได้ว่ามันถูกใช้เป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหลายชนิด

Mr. Nguyen Dac Danh ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการของเวียดนาม ระบุว่า หางหมู 100 กรัม ประกอบด้วยโปรตีน 17.7 กรัม ไขมัน 33.5 กรัม วิตามินบี3 1.12 มก. วิตามินบี1 0.07 มก. วิตามินบี2 0.07 มก. แคลเซียม 14 มก. ฟอสฟอรัส 47 มก. โซเดียม 25 มก. 157 มก. และไม่มีคาร์โบไฮเดรต ทั้งนี้ หางหมูยังมีความโดดเด่นด้วยปริมาณสังกะสีที่ค่อนข้างสูง โดยหางหมู 100 กรัม จะมีสังกะสี 1.64 มก. ซึ่งคิดเป็นประมาณ 15% ของมูลค่ารายวัน

“สังกะสีเป็นธาตุที่มีปริมาณน้อยในร่างกาย แต่มีความสำคัญมากในระบบอวัยวะส่วนใหญ่ ไม่เพียงแค่นั้นยังเป็นองค์ประกอบที่สร้างฮอร์โมนภายนอกที่ควบคุมพัฒนาการ ในร่างกายสังกะสีมีบทบาทในการรักษาระดับฮอร์โมนเพศชายในเลือด สำหรับผู้ชายฮอร์โมนเพศชายเป็นฮอร์โมนที่มีผลกระทบอย่างมากต่อรูปลักษณ์ภายนอกและพัฒนาการทางเพศ”

สังกะสีถือเป็นแร่ธาตุของระบบภูมิคุ้มกัน และเป็นยาที่มีคุณค่าสำหรับสุขภาพการเจริญพันธุ์ และสุขภาพทางเพศของผู้ชาย การศึกษาพบว่าสังกะสีช่วยเพิ่มคุณภาพและปริมาณของตัวอสุจิด้วย การขาดสังกะสีเป็นสาเหตุที่ส่งผลต่อการเคลื่อนที่ของตัวอสุจิ และการเปลี่ยนแปลงทางสัณฐานวิทยา ซึ่งหากการเคลื่อนที่ของอสุจิไม่ดี ก็จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการมีบุตรยากในผู้ชาย

สังกะสียังมีบทบาทสำคัญในต่อมลูกหมาก การขาดสังกะสีอาจทำให้ต่อมลูกหมากโต และการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ ในอวัยวะสืบพันธุ์ที่สำคัญนี้ แม้กระทั่งภาวะมีบุตรยากอีกเช่นกัน

“นอกจากคุณค่าที่นำมาสู่สุขภาพของผู้ชายแล้ว หางหมูยังอุดมไปด้วยโปรตีนซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในผิวหนัง รวมถึงส่วนประกอบอีกมากมาย เช่น คอลลาเจน อีลาสติน…สารเหล่านี้มีฤทธิ์ในการยึดเกาะโครงสร้างเซลล์อย่างแน่นหนา คงไว้ซึ่งความชุ่มชื้นและเพิ่มความยืดหยุ่นของผิว ป้องกันริ้วรอยของผิว และปกป้องผิวจากการโจมตีของปัจจัยแวดล้อมที่ไม่พึงประสงค์”

นอกจากนี้ หางหมูยังมีแคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก แมกนีเซียม ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสร้างและบำรุงรักษาระบบกระดูกและข้อต่อ ป้องกันโรคกระดูกพรุน และป้องกันโรคโลหิตจาง โดยผู้เชี่ยวชาญรายนี้วิเคราะห์ว่า “แคลเซียมเป็นองค์ประกอบหลักของกระดูกและฟัน ช่วยสร้างและรักษาความแข็งและโครงสร้างของกระดูก และยังมีบทบาทสำคัญในกระบวนการสร้างและฟื้นฟูกระดูกเมื่อได้รับบาดเจ็บด้วย”

กระดูกเสี้ยวพระจันทร์

ถ้าพูดชื่อนี้คงมีหลายคนไม่รู้ว่าอยู่ส่วนไหนของหมู ที่จริงแล้วตำแหน่งที่เรียกกันว่า “กระดูกเสี้ยวพระจันทร์ ” เป็นส่วนเนื้อติดกระดูกอ่อนส่วนขาหน้าของหมู ซึ่งเป็นบริเวณที่มีกระดูกโค้งงอคล้ายเสี้ยวพระจันทร์ หรือคล้ายเคียวอยู่ ส่วนใหญ่เป็นกระดูกอ่อน จึงมีความกรุบกรอบ นุ่ม และหวานมาก ส่วนใหญ่นิยมนำไปใช้เคี่ยวซุปจะได้รสชาติกลมกล่อมมาก

แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่ารสชาติก็คือคุณค่าทางโภชนาการ กระดูกเสี้ยวพระจันทร์อุดมไปด้วยคอลลาเจน โปรตีน และวิตามิน การบริโภคอวัยวะที่มีคุณค่านี้เป็นประจำสามารถส่งเสริมการเจริญเติบโตของกระดูก ป้องกันโรคกระดูกพรุน และเพิ่มภูมิคุ้มกัน

โดยพบว่าปริมาณแคลเซียมในหมูส่วนนี้ถือว่าสูงมาก เหมาะสำหรับเด็กในช่วงการเจริญเติบโตและพัฒนาการ ผู้สูงอายุที่เป็นโรคกระดูกพรุนด้วย และหญิงตั้งครรภ์ก็สามารถทานเพื่อเสริมแคลเซียมได้ “ในปริมาณที่เหมาะสม” เช่นเดียวกัน

กระดูกเสี้ยวพระจันทร์ ยังอุดมไปด้วยสารสกัดที่มีไนโตรเจนที่ละลายน้ำได้ รวมถึงโปรตีนหลากหลายชนิด ซึ่งสามารถให้สารอาหารที่เข้มข้นและมีคุณภาพสูงสำหรับการทำงานหลักของร่างกายมนุษย์

  • เตือนแล้วนะ! แพทย์ชี้ไม่ควรกิน “ส่วนที่สกปรกที่สุด” ของหมูโดยเด็ดขาด
  • แพทย์อเมริกัน แนะนำเครื่องดื่ม 3 ชนิด ที่ตับและระบบย่อยอาหาร “ชอบ” ทุกอย่างมีขายในไทย!

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ