ไม่รู้ว่าเคยเกิดขึ้นมาแล้วหรือยัง แต่ตอนนี้กำลังฮอตฮิตไปทั้งโลกโซเชียลเลยทีเดียว สำหรับเทรนด์ล่าสุด ที่บอกเลยว่า ปึ้ง! ใครกล้าลองก็จัดไป กับข้าวปั้นที่ ‘ปั้นด้วยรักแร้’ ของหญิงสาว จนกลายเป็นเมนูยอดฮิต ที่ยกระดับความแปลกใหม่ในการทำอาหารไปอีกขั้น

อย่างที่เรารู้กันดีว่า ‘ข้าวปั้น’ หรือชาวญี่ปุ่นเรียกว่า ‘โอนิกิริ’ นั้น นับเป็นหนึ่งในอาหารหลักของคนญี่ปุ่น ที่มีวิธีการทำคือการนำข้าวหุงสุกไปปั้นให้เป็นก้อนกลมๆ หรือมีรูปทรงสามเหลี่ยมด้วยมือ แล้วยัดไส้ข้างในด้วยผักหรือเนื้อสัตว์ตามใจชอบ จากนั้นห่อด้วยแผ่นสาหร่ายอีกที

แต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป หลังๆ เริ่มมีคนคิดค้นวิธีการปั้นข้าวแบบใหม่ๆ ออกมา โดยอาจไม่ได้เน้นหรือใส่ใจเรื่องความสะอาดและสุขอนามัยมากนัก หนึ่งในนั้นก็คือ วิธีการปั้นข้าวด้วยรักแร้ที่แพร่ระบาดจนเป็นไวรัลบนโลกออนไลน์ขณะนี้

ทั้งนี้ก่อนจะลงมือทำ ทางสื่อต่างประเทศอย่าง SCMP ระบุว่า สาวๆ จะต้องทำความสะอาดและฆ่าเชื้อส่วนต่างๆ ของร่างกายที่จะสัมผัสกับข้าวก่อน จากนั้นก็จะออกกำลังกายเพื่อให้ ‘เหงื่อ’ ไหลออกมา และใช้ ‘รักแร้’ แทนฝ่ามือในการปั้นข้าวเป็นก้อนๆ

ผลลัพธ์ที่ได้ออกมากลับกลายเป็นเมนูเด็ด ที่ขายกันในราคาสูงลิ่ว ว่ากันว่าร้านอาหารบางแห่งขายในราคาที่สูงกว่าข้าวปั้นทั่วไปถึง 10 เท่า อีกทั้งบางร้านยังเปิดครัวให้ลูกค้าเข้าไปชมกระบวนการปั้นข้าวด้วยรักแร้นี้อย่างเปิดเผย เพื่อเป็นการสนับสนุนเชฟและวิธีการทำอันเป็นเอกลักษณ์นี้ด้วย

ยิ่งไปกว่านั้นยังสร้างความประหลาดใจอย่างต่อเนื่อง เพราะผลการศึกษาเมื่อปี 2013 พบว่า “เหงื่อบางส่วนของร่างกายของมนุษย์ หรือเหงื่อจากบริเวณรักแร้จะมีสารชื่อว่าฟีโรโมน ที่สามารถกระตุ้นอารมณ์ความรู้สึกที่ดีได้ เมื่อได้สูดดมกลิ่นหรือเลีย”

นอกจากนี้ยังเคยมีรายงานว่า เคยมีชายชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งลังเลที่จะกินข้าวปั้นรักแร้ที่เขาได้มา ก็เลยปล่อยทิ้งไว้ให้เน่าเสียถึง 14 ชิ้น จนเกิดกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่ว เพื่อนบ้านอดรนทนไม่ไหวจึงโทรแจ้งตำรวจให้เข้ามาตรวจสอบ

และแน่นอนว่า วิธีการปั้นโอนิกิริที่แปลกใหม่นี้ ได้จุดประกายการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างดุเดือดบนโลกออนไลน์ บางคนก็บอกว่า “ข้าวปั้นเหล่านี้สามารถตอบสนองความต้องการเร้นลับของคนไม่กี่คนได้ ตราบใดที่มันสะอาดก็ไม่เห็นจะเป็นอันตรายอะไร” บางคนกล่าวว่า “ฉันรับไม่ได้จริงๆ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเชฟมีอาการป่วยอยู่ล่ะ? ฉันอยากกินข้าวปั้นธรรมดามากกว่า”

อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่านี่เป็นหนึ่งไอเดียที่เกินคาดสุดๆ แต่เสียงของชาวเน็ตส่วนใหญ่ก็แตกออกเป็นสองฝั่ง มีทั้งฝั่งที่คิดว่ามันช่างไร้ซึ่งสุขอนามัยที่ดี อีกฝั่งก็มองว่าเป็นวิธีการทำข้าวปั้นที่ได้รับความนิยมมาก แถมยังน่าลิ้มลองรสชาติอีกด้วย