วันที่ 15 มี.ค. เยรูซาเลมโพสต์ รายงานว่า นายนีโคไล ปาตรูเชฟ เลขาธิการสภาความมั่นคง รัสเซีย ระบุว่า คณะที่ปรึกษาสหรัฐอเมริกาในยูเครนกำลังช่วยรัฐบาลเคียฟพัฒนาอาวุธชีวภาพและนิวเคลียร์ ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดสงครามนิวเคลียร์

รัสเซีย โทษยูเครนพัฒนาขีดความสามารถนิวเคลียร์ร่วมกับสหรัฐ รวมถึงอ้างว่ายูเครนพัฒนาอาวุธชีวภาพในห้องปฏิบัติการวิจัยที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐในยูเครนก่อนหน้านี้ แต่ข้ออ้างดังกล่าวไม่มีหลักฐานหรือคำอธิบายใดๆ มาสนับสนุนว่า ยูเครนที่ถูกกองทัพรัสเซียปิดล้อมสามารถเริ่มพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ที่ใช้งานได้ทันทีได้อย่างไร

“การสร้างอาวุธนิวเคลียร์โดยยูเครนจะคุกคามความมั่นคงของโลกทั้งโลก และกระตุ้นสงครามนิวเคลียร์ขึ้น รัสเซียไม่อนุญาตให้ผู้รักชาติยูเครนที่ไม่มีการควบคุมครอบครองอาวุธดังกล่าว เห็นได้ชัดว่าเป็นที่ปรึกษาชาวอเมริกันที่สนับสนุนและช่วยเหลือระบอบการปกครองเคียฟในการสร้างอาวุธชีวภาพและอาวุธนิวเคลียร์” นายปาตรูเชฟกล่าวในการประชุมรับรองความมั่นคงแห่งชาติของรัสเซียในเขตสหพันธ์คอเคซัสเหนือ ในเมืองกรอซนืย์

“ยูเครนมีทุกอย่างสำหรับสิ่งนี้ – ความสามารถ เทคโนโลยี วัตถุดิบ และวิธีการจัดส่ง ที่ปรึกษาและที่ปรึกษาต่างประเทศจำนวนมากซึ่งอยู่ในยูเครนเป็นตัวแทนของภัยคุกคามใหม่ต่อความมั่นคงของรัสเซีย ร่วมกับภัยคุกคามจากอาวุธชีวภาพและอาวุธนิวเคลียร์” นายปาตรูเชฟกล่าวโดยไม่ให้หลักฐานสนับสนุนคำพูดของเขา

เมื่อวันอังคารที่ 15 มี.ค. นายเยนส์ สโตลเทนแบร์ก เลขาธิการใหญ่นาโต กล่าวว่า นาโตมีความกังวลว่ารัสเซียอาจใช้อาวุธเคมีในการโจมตีเพื่อสร้างความชอบธรรม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการรุกรานยูเครน

เมื่อวันที่ 9 มี.ค. สหรัฐปฏิเสธข้อกล่าวหาของรัสเซียว่ากำลังทำงานห้องปฏิบัติการสงครามชีวภาพในยูเครน โดยกล่าวว่าข้ออ้างดังกล่าว “น่าขำ” และบอกว่ารัสเซียอาจกำลังวางรากฐานในการใช้อาวุธเคมีหรืออาวุธชีวภาพ

รัสเซียกล่าวหายูเครนว่าจงใจก่อวินาศกรรมโรงงานเคมีในเมืองโดเนตสค์ โดยอ้างว่าโรงงานดังกล่าวได้ปล่อยก๊าซพิษออกสู่ถิ่นฐานของพลเรือนที่อยู่ใกล้เคียง ข้อกล่าวหาเหล่านี้ไม่ได้รับการยืนยันจากแหล่งใด ยกเว้นสื่อรัสเซีย