ครูหยุย เผยเป็นหนึ่งใน ส.ว. โหวตแก้รัฐธรรมนูญ ปิดสวิตช์ตัวเอง ย้ำใครรวมได้เกิน 250 เสียง ได้เป็นนายกฯ ลั่นไม่มีใครขวางได้
วันที่ 15 พ.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล ออกมาแถลงว่าจะจับมือร่วมกับพรรคเพื่อไทย และพรรคฝ่ายค้านเดิม รวมถึงพรรคเล็ก เพื่อจัดตั้งรัฐบาล จำนวน 309 เสียง
ทั้งนี้ ต้องได้รับเสียงโหวตจาก ส.ส. และ ส.ว.เกินกึ่งหนึ่ง คือ 376 เสียงขึ้นไป เพื่อเป็นนายกรัฐมนตรี เท่ากับขาดอีกจำนวน 67 เสียง จึงจะสามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ทำให้มีกระแสกดดันให้ว่าที่ ส.ส. และส.ว. ร่วมโหวตตามมติส่วนใหญ่ของประชาชน
ล่าสุด นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ หรือครูหยุย ส.ว. ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “ผมว่าผมชัดเจนมาโดยตลอดนะครับ ได้ให้สัมภาษณ์มาแต่ละครั้ง มีการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็น 1 ใน 23 สว ที่ปิดสวิตช์ตนเอง ในการใช้สิทธิเลือกนายกรัฐมนตรี แต่การที่สื่อนำไปลงสั้นๆ แค่นั้น น่าจะยังไม่ชัดเจนพอ”
“ขอนำมาสรุปให้ชัดขึ้นว่า คราวนั้น ผมให้สัมภาษณ์ต่อไปว่า “ใครรวมได้เสียงข้างมาก” เกิน 250 เสียงในสภาผู้แทนราษฎร ก็ได้เป็นนายกฯ ได้เป็นรัฐบาลครับ ไม่มีใครขวางได้หรอกครับ เพราะครั้งที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เป็นนายก ก็ด้วยเหตุผลเดียวกันคือ รวมเสียงได้เกิน 250 เสียง”
“คราวนี้ก็ยึดหลักการเดียวกัน จบนะครับ คนถูกใจก็ไม่ต้องเขียนมาชม คนผิดหวังก็ไม่ต้องเขียนมาด่านะครับ” ครูหยุย ระบุ
