"แบงค์ ปวริศร์" เปิดชีวิตหลังหายจากจอไทย แต่ไปโด่งดังเล่นหนังที่จีน – เฉียดตายกลางกองถ่าย

Home » "แบงค์ ปวริศร์" เปิดชีวิตหลังหายจากจอไทย แต่ไปโด่งดังเล่นหนังที่จีน – เฉียดตายกลางกองถ่าย
"แบงค์ ปวริศร์" เปิดชีวิตหลังหายจากจอไทย แต่ไปโด่งดังเล่นหนังที่จีน – เฉียดตายกลางกองถ่าย

อดีตพระเอกมาดเซอร์ แบงค์ ปวริศร์ ที่วันนี้จะมาเปิดเผยจุดเริ่มต้นของการโกอินเตอร์เล่นภาพยนตร์ที่ประเทศจีน และประสบการณ์เฉียดตายกลางกองถ่าย พร้อมเผยช่วงโควิดไร้งานนาน 2 ปี ชวดภาพยนตร์ไปกว่า 10 เรื่อง สูญรายได้ไปหลายล้านบาท พร้อมเล่าวีรกรรมความเจ้าชู้ในอดีต ผ่านทาง รายการคุยแซ่บ Show ทางช่องวัน31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์ และ ตั๊กแตน ชลดา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ 

คุณไปโกอินเตอร์ได้ยังไง?

แบงค์ : “ตอนนั้นมีหนังของจีนมาถ่ายที่เมืองไทย เป็นเรื่องจริงและเป็นโปรเจกต์ใหญ่ของทางเขา เขายังหาตัวคนที่รับบทเป็นคนไทยใหญ่ผสมพม่า มีเชื้อสายจีนด้วย แต่เขาเป็นพ่อค้ายาเสพติดที่คนจีนจับตัวไปประหารชีวิต ซึ่งเขายังหาตัวนี้อยู่ คือเขาสร้างบทจากตัวนี้แล้วเขายังหาไม่ได้ แล้วพอดีมีน้องที่รู้จักทำแคสติ้งด้วย แล้วบอกว่าพี่ลองไปคุยดูไหม เขาก็เลยส่งโปรไฟล์ไปให้ดู ตอนนั้นการแคสติ้งแบบใช้วิดีโอคอล เขาขอดูหน้า ดูตา พูดคุย แล้วเขาก็เลือกให้เราไปเล่น” 

ตอนนั้นเรารู้ไหมว่าถ้าเราได้คาแรคเตอร์นี้ เราจะถ่ายที่นี่แล้วไปโกอินเตอร์ที่จีน?

แบงค์ : “ตอนแรกยังไม่รู้เลยว่าเป็นเรื่องราวที่ใหญ่ขนาดนั้น มันมีข่าวโด่งดังที่ไทย แล้วก็เป็นข่าวนี่เพิ่งมาย้อนดูว่ามันมีตัวนี้จริงๆ เราก็เลยศึกษาประวัติของคนนี้จริงๆ”

พอมันฉายสู่สายตาประชาชนชาวจีนแล้วฟีดแบคเป็นยังไง?

แบงค์ : “ถือว่าดีมากครับ พอดีเรื่องนี้ฉายวันชาติจีนด้วย รัฐบาลให้ความสนใจ คนก็ดูเพราะมันเป็นเรื่องจริงที่เป็นกระแสโด่งดังที่นู่น พอได้เรื่องนี้ก็เลยประสบความสำเร็จ” 

แล้วตอนนั้นคนจีนเกลียดเราไหม?

แบงค์ : “กลายเป็นรักครับผม”

แล้วตอนนั้นความดังของเราที่จีนดังระดับไหน?

แบงค์ : “ถือว่าโอเคครับ เพราะว่าคนจะดูกันเยอะมาก ตอนแรกผมกลัวว่าถ้าบินไปจีนแล้วคนเกลียดเหมือนกัน เพราะฆาตรกรรม 13 ศพน่าจะไม่ธรรมดา แต่กลายเป็นว่าเขาชอบในบทบาท ได้เจอทั้งทีมผู้ใหญ่ของจีน ทั้งรัฐบาลด้วยครับ” 

หนังเรื่องนี้โกยรายได้ 1,000 ล้านหยวน?

แบงค์ : “ก็ประมาณ 5 พันกว่าล้านบาทไทย”

เห็นบอกว่าพอเล่นเรื่องนี้ไปปุ๊บผู้กำกับติดต่อมาเยอะเลย?

แบงค์ : “ครับ ก็ได้งานต่อเนื่องมาหลายเรื่องเลย ประมาณ 10 กว่าเรื่องได้ เป็นหนังใหญ่ด้วย แล้วก็มีซีรีส์ 1 เรื่อง” 

แบงค์พูดจีนได้ไหม?

แบงค์ : “ไม่ได้พี่ ตอนถ่ายเราพูดไทยเลย เขาก็พูดจีนใส่เรา ตอนแรกก็งงๆ ตอนถ่ายก็ดูบทก่อน ดูว่าซีนอะไร ทำความเข้าใจเสร็จ แต่ว่าบทอะจะยาท เพราะว่าคนที่ต่อบทกับเราเขาไม่รู้เรื่องว่าเราพูดจบประโยคตอนไหน ผมก็ไม่รู้ เขาก็ไม่รู้ แต่ทางเขาจะเน้นเรื่องอารมณ์ความรู้สึกมากกว่า เพราะเขาไปพากษ์เสียงทับอยู่แล้ว แต่ก็มีบางคำที่เขาอยากได้ เราก็ไปท่อง เป็นประโยคสั้นๆ” 

มีหนังบางเรื่องไหมที่ติดต่อเรามาเพื่อเกาะกระแสเรา?

แบงค์ : “มีนะครับ เพราะบางเรื่องเขาถ่ายกันไปเยอะแล้ว แต่ว่าขอให้ไปรับเชิญ 2 คิว” 

ที่จีนเงินดีไหม?

แบงค์ : “ก็พอได้ครับ ดีกว่าเมืองไทยหลายเท่าอยู่เหมือนกัน” 

ที่บอกว่าเฉียดตายเพราะล่ามเกิดอะไรขึ้น?

แบงค์ : “ส่วนใหญ่ทุกเรื่องจะเป็นหนังแอคชั่นหมดเลย แล้วก็มันจะมีซีนที่ระเบิดอยู่ข้างหน้าลูกใหญ่ พอระเบิดเสร็จผมก็ต้องยิงอยู่ข้างหน้าฝ่าควันระเบิด เราก็เข้าใจนะครับ ล่ามเป็นคนไทย อาจจะรู้แค่แปลเฉยๆ เขาก็จะอธิบายอีกอย่างนึง อย่างซีนนี้ เขาบอกว่าพอ 5-4-3 แอคชั่นพี่ก็วิ่งผ่านไปเลย ผมก็งงมันต้องไม่ใช่แน่เลย ประสบการณ์ที่ทำมา มันต้องระเบิดก่อนหรือหลังระเบิด ผมก็เลยไปถามผู้กำกับให้แน่ใจ เขาบอกว่าโน พอเขาสั่งแอคชั่นปุ๊บเราต้องนับในใจ 5 วิ ถ้าเกิดเราวิ่งตามที่ล่ามบอกก็ตู้มเลย”

เห็นว่ามีอีกเรื่องที่เฉียดตายเหมือนกัน คือกระโดดลงจากรถกระบะเลย?

แบงค์ : “เหมือนกับยิงปืนอยู่ มีคนขว้างระเบิดน้อยหน่ามาตรงหน้ากระบะก็จะระเบิด อันนี้ผมคิดว่าเขาจะต้องมี เพราะของไทยยังไงมันก็มีคนกระโดนแทนอยู่แล้ว แต่นี่ก็มีคนทำให้ดูนะ แต่ต้องเล่นเอง พอสั่งแอคชั่นผมนับในใจหนึ่งวิ ผมไปเลย ขนาดหนึ่งวิยังร้อนตามหลังมาเลย” 

มีฉากไหนไหมที่เราบอกผู้กำกับว่าไม่ได้ อันนี้ยากไป?

แบงค์ : “ยังเลยครับ” 

ไปถ่ายหนังที่จีนเจ็บส่วนไหนบ้าง?

แบงค์ : “เจ็บเยอะเหมือนกัน เพราะว่าอย่างบางเรื่องบู๊มือ บู๊ต่อย ส่วนใหญ่จีนเขาฟิต มีอยู่เรื่องนึงมีโดนทั้งเตะ รวบขา ลงพื้นระบมมาก เขียว ก็ทรมานเหมือนกัน แต่ก็ทน กินยาพวกช้ำใน” 

ดังที่จีนขนาดนี้ แต่แบงค์ไม่ยอมเซ็นสัญญา?

แบงค์ : “ตอนแรกใจก็อยากเซ็นนะ แต่พอมาดูรายละเอียดสัญญาแล้ว สัญญาเขาประมาณ 20-30 ปี ดูท่าทางแล้วต้องแก่ที่นู่น แล้วอ่านข้อสัญญาแล้วกฎระเบียบเยอะเหมือนกัน ในเรื่องของภาพลักษ์อีก แล้วค่าปรับเขาจะแพง ถ้าเราผิดนิดเดียวค่าปรับจะสูงมาก” 

ตัดใจยังไงกับเงินก้อนใหญ่ขนาดนั้น?

แบงค์ : “คิดว่าอยู่บ้านเรามีความสุขที่สุด เราก็ไปๆ กลับๆ ดีกว่า ก็เลยไม่เซ็นสัญญา” 

พอโควิดมาเป็นยังไงบ้างชีวิตเปลี่ยนขนาดไหน?

แบงค์ : “โห…เปลี่ยนเยอะครับ จากโปรเจกต์ที่ถ่ายไว้แล้ว 1-2 คิวก็ต้องล้ม เปลี่ยนหมดเลย ตอนนั้นโควิดกำลังเริ่มมา เขาก็เลยเปลี่ยนหาคนมาแทน แล้วมีอีกเรื่อง ไปแถลงข่าว เปิดตัวเรียบร้อยแล้ว ก็เป็นช่วงเดียวกับโควิดเหมือนกัน ถ่ายไม่ได้เขาก็ต้องเปลี่ยนคนอีก”

เล่นหนังเรื่องหนึ่งไม่รู้ว่าเขาให้เป็นคิวหรือเป็นเรื่อง เอาคร่าวๆ ได้เท่าไหร่?

แบงค์ : “เรื่องนึงก็ไม่เท่าไหร่ครับผม ก็หลักหลาย 10,000 อยู่ครับ ซึ่งเรื่องหนึ่งมันก็แล้วแต่บางเรื่องก็มี 20-30 คิว บางเรื่องก็ 7 คิว” 

แสดงว่าถ้าไม่นับเรื่องภาษาเป็นนักแสดงที่จีนดีกว่าที่ไทย?

แบงค์ : “มันก็ดีในเรื่องของเงิน แต่ถ้าในเรื่องของการทำงานพี่น้องมีความสุข ผมว่าทำที่บ้านเรามีความสุขที่สุดแล้วครับ” 

เห็นว่ามีหนังติดต่อมาเป็น 10 เรื่องแต่พี่ปฏิเสธหมดเลย?

แบงค์ : “จริงๆ ก็ไม่ได้อยากปฏิเสธ แต่ว่าช่วงโควิดบางเรื่องเราก็ยังฉีดวัคซีนไม่ครบก็ไปไม่ได้ แล้วพอเราฉีดแล้วก็ต้องไปกักตัวที่จีน 20 กว่าวัน มาไทยอีก 10 กว่าวัน เดือนกว่าต้องอยู่ในห้องผมคิดว่ามันน่าเบื่อมาก แต่ถ้าคุ้มก็โอเค แต่เขาไม่ได้ให้ค่ากักตัว ก็เลยไม่ไปดีกว่า” 

ถ้าแบงค์พูดจีนได้มีโอกาสเล่นหนังพรีเรียดจีนเลยเหรอ?

แบงค์ : “ครับ เขาบอกว่าให้ยูกลับไปเรียนภาษาจีนเยอะๆ หนังแบบนั้นต้องพูดจีนได้ ถ้าพูดไทยกันเดี๋ยวมันวุ่นวาย มันไม่เรียล” 

10 เรื่องที่เราปฏิเสธไปมูลค่าเท่าไหร่ที่เสียไป?

แบงค์ : “ก็น่าจะหลายอยู่ครับผม” 

หลายล้านอยู่ไหม?

แบงค์ : “ก็น่าจะ” 

ถ้า 2 ปีที่ผ่านมาปฏิเสธหนังจีนหมดเลย แล้วในช่วงนั้นเอาเงินที่ไหนใช้?

แบงค์ : “ส่วนใหญ่ผมอยู่แบบเรียบง่ายอยู่แล้ว เราก็ใช้เงินเก็บ โควิดก็ทำให้รู้อยู่แล้ว เพราะผมเคยตอนที่งานไทยก็เงียบ งานจีนก็ยังไม่มา ผมก็อยู่แบบปกติ กิน  อยู่ วันนึงไม่กี่ร้อย” 

แต่ละเดือนเรามีค่าใช้จ่ายอะไรไหม?

แบงค์ : “ไม่เลยครับ”

มีผ่อนรถ ผ่อนคอนโด ผ่อนบ้านอะไรไหม?

แบงค์ : “ไม่มีครับ ผมโตมาป่านนี้ยังไม่มีบัตรเครดิตเลย” 

มีแพลนจะบินกลับไปทำงานที่จีนอีกเมื่อไหร่?

แบงค์ : “แล้วแต่น้องผู้จัดการ ก็ดีลๆ กันอยู่ แต่ก็คงให้โควิดซาอีกนิดนึง เพราะตอนนี้มันก็เริ่มเปิดประเทศ เริ่มอะไรแล้ว ซึ่งจริงๆ ก็มีกองจีนจะบินมาเหมือนกัน แต่พอดีจีนก็เข้มงวดของเขา เพราะถ้าบินมา กองจีนก็ต้องไปกักตัวอีก 20 กว่าวัน เขาก็เลยไม่กล้าบินมา เหมือนรัฐบาลเขายังไม่อยากให้ออกนอกประเทศ”

สมัยก่อนเจ้าชู้ไหม?

แบงค์ : “เจ้าชู้ครับผม ก็มองว่าน่ารักเยอะ มองใครก็น่ารัก แต่ผมก็แค่มองเฉยๆ ความเจ้าชู้ก็คือแค่มองว่าน่ารัก ส่งสายตา แต่ไม่กล้าเข้าไปอยู่แล้ว” 

จีบผู้หญิงยังไง?

แบงค์ : “มองครับ เพราะผมเรียนโรงเรียนชายล้วนมาผมไม่กล้าคุยกับผู้หญิง กลัวผู้หญิง”

สมัยก่อนพี่คุยพร้อมๆ กันมากสุดกี่คน?

แบงค์ : “ก็ประมาณ 3-4 คนแหละครับ”

แล้วเราสลับยังไงให้แฟนตัวจริงไม่รู้?

แบงค์ : “สมัยก่อนโทรศัพท์มันไม่มีวิวัฒนาการเยอะ ก็สามารถคุยได้ เมมไว้” 

ที่เราหยุดเจ้าชู้ทุกวันนี้ 1.เพราะเรารักเขา 2.เทคโนโลยีมันตามเราทัน?

แบงค์ : “ครับผม” 

พี่แบงค์เจ้าชู้จริง แต่ว่าชอบโป๊ะ ที่เขาบอกว่าแฟนเก่าขับรถชนเหรอ?

แบงค์ : “ตอนนั้นก็เหมือนกับเลิกกันไปแล้ว แต่เหมือนเขายังเลิกไม่ขาด ก็คบกันมา 7 ปีได้ครับ แล้วเขาเป็นคนดุมาก โหดมาก สมัยก่อนนักข่าวบางคนยังเคยเขียนว่านี่แฟนหรือเสือ เพราะว่าสมัยก่อนผมก็กลางคืนเยอะเหมือนกัน แล้วกำลังคุยกับนักข่าวอยู่ ไปกับแฟนเก่า แฟนเก่าเดินตีหลังเลย ทำไมไม่กลับโต๊ะ ผมก็บอกนี่คุยกับนักข่าวอยู่ ผมยังจำได้เขาเคยไปเขียนแบบว่านี่มีแฟนหรือมีเสือ”

แล้ววันที่ถูกชนวันนั้นเกิดอะไรขึ้น?

แบงค์ : “ก็เราคิดว่าเราเลิกแล้ว เราก็ไปเที่ยว แล้วอาจจะคุยกับสาว ก็เดินจูงมือสาวกลับ เขาก็เห็นมาจากไกล เขารู้ว่าผมไปที่ไหนบ้าง แล้วผมก็เห็นไกลๆ จำได้ คือรถพุ่งเข้ามาเลยครับ เขาก็กะชนเลย ผมก็หลบ แต่เขาก็พยายามเบรกแหละ แต่ตอนนี้เป็นเพื่อนกันแล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่ากะชน แต่พยายามเบรกแล้ว แต่ก็ชนโดนขา ก็ต้องถือไม้เท้าอยู่หลายอาทิตย์ แต่ไม่ถึงกับเข้าเฝือก ซึ่งพอชนเสร็จเขาก็ลงมา มันเหมือนเลิกกันไม่ขาดก็อาจจะมีดึง มีตบ มีอะไรนิดหน่อย” 

ณ ตอนนั้นที่เขาลงมาจากรถ เราโกรธเขาไหม?

แบงค์ : “ไม่โกรธครับ ตอนนั้นเรายังรู้สึกผิดอยู่ด้วยแหละ แล้วผู้หญิงอีกคนก็ไปเลย ไม่ได้คุยกัน ตอนนั้นกู้ภัยก็มา เหมือนหนังซีนนึงเลย”

แล้วจบยังไง?

แบงค์ : “ก็คุยกันเคลียร์ กู้ภัยกลับไป ผมก็บอกว่าเดินมาส่งน้องเขา ก็เหมือนเราเลิกกันแล้วอะ แล้วพอหลังจากนั้นก็ขอโทษเป็นเพื่อนกัน แต่ตอนนั้นเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบ”

เราเข็ดไหม?

แบงค์ : “มันก็ไม่ค่อยเข็ดนะ” 

ตอนนี้เลิกเจ้าชู้หรือยัง?

แบงค์ : “ก็ลดไปนิดหน่อยครับผม ก็ยังมีบ้าง ถามว่าทำไมไม่หยุดเลย คือผมว่ามันต้องมีวันนึง แต่มันคงยังไม่ถึงวันนั้น” 

แล้วตอนนี้โสดหรือไม่โสด?

แบงค์ : “ก็มีดูๆ อยู่ครับ คนนี้หลายปีแล้ว”

ตอนนั้นแบงค์เป็นคนเจ้าชู้เพราะแฟนเก่า หรือเลิกเจ้าชู้เพราะแฟนเก่า?

แบงค์ : “ตอนแฟนคนแรกผมไม่เจ้าชู้เลยครับ พอเลิกกับคนแรกมันเหมือนเปลี่ยน เพราะว่าเป็นแฟนกันตั้งหลายปี เขาอาจจะไปพบคนอื่นที่ดีกว่า เราก็เจ็บหนัก ร้องไห้กับถังน้ำแข็ง” 

แบงค์จับได้ว่าแฟนคนแรกนอกใจเรา?

แบงค์ : “ไม่เชิงนอกใจนะ เขาอาจจะไปมีคนอื่นที่เหมาะสมกว่า อันนี้เราก็ไม่ว่ากัน” 

แล้วตอนนั้นยังคบกันอยู่ไหม?

แบงค์ : “คบอยู่ครับ”

พีเค : “เขาเรียกนอกใจ” 

ความเจ็บครั้งนั้นมันทำให้เราเป็นผู้ชายที่เกร่งขี้น ทำให้เราเจ้าชู้มากยิ่งขึ้น เพื่อไม่อยากเจ็บแบบนั้นอีก?

แบงค์ : “ครับ ผมว่าอาจจะมีประเด็นบางส่วน แต่อาจจะด้วยนิสัยเรา เราอาจจะเจ้าชู้อยู่แล้ว แต่ตอนนั้นเราคิดว่ามันเป็นเหมือนรักแรก แฟนคนแรกด้วย ตั้งแต่เรียนมาไม่เคยมีแฟนเลย” 

พี่แบ้งค์คิดอะไรอยู่ถึงได้กลายเป็นผู้ชายเจ้าชู้?

แบงค์ : “มันเหมือนกับแบบว่าเริ่มเผื่อใจไว้ให้ตัวเองบ้างแล้ว เพราะตอนนั้นไม่เผื่อเลย เจ็บหนักมาก อารมณ์วัยรุ่นเลย ไม่เคยมีแฟนด้วย” 

คิดจะแต่งงานไหม?

แบงค์ : “ยังไม่คิดครับ” 

อีกเรื่องที่คนไม่ทราบคือเรื่องของวิญญาณลี้ลับที่มาพร้อมรถมือ2?

แบงค์ : “ผมชอบเก็บของเก่า แล้วชอบเก็บรถมือสองด้วย แล้วตอนนั้นไปได้มาคันนึง เหมือนเอามาก็ทะเม้นๆ แล้ว เพราะว่าเป็นใบเหมือนผู้จัดการมรดก ใบมรณบัตร แบบรถคันนี้เป็นรถที่เจ้าของเสียชีวิตแล้ว” 

รถปีอะไร?

แบงค์ : “ผมว่าน่าจะ 195 กว่าได้ เอามาก็ไม่ได้คิดอะไร ผมก็เฉยๆ อยู่แล้ว พอมาใช้ชีวิตประจำวันไปกองไปอะไร เช้ามืด เหมือนมีคนที่กองเห็น เขาก็ถามพี่ไม่ชวนคุณลุงมากินข้าวด้วยเหรอ ผมบอกอำหรือเปล่า เขาบอกเห็นจริงๆ เขาบอกตอนขับเข้ามาเห็นมีคุณลุงนั่งข้างๆ ผมก็เริ่มสงสัย แล้วมาอีกที คุณยายตื่นมาตอนเช้า ก็เห็นเหมือนคนแก่เดินวนรถอยู่” 

กลัวผีไหม?

แบงค์ : “แต่ก่อนกลัวครับ”

แล้วพอทีมงานบอกมีคุณลุงมาด้วยกลัวไหม?

แบงค์ : “กลัวครับ แต่เลิกกลัวไปเยอะแล้วเหมือนกัน ผมก็บอกแกเหมือนกัน ถ้ามาให้เห็นผมก็ต้องกลัว ผมก็เหมือนไหว้บอกแก บอกว่าผมรู้ว่าคุณลุงรักรถนะ ผมก็รักรถคุณลุงนะ แต่ว่าคุณลุงอย่ามาปรากฏให้เห็นตอนผมขับรถนะ ไม่งั้นรถคุณลุงจะต้องพังแน่ เพราะว่าเราตกใจ พอบอกไปแบบนั้นก็ไม่เคยมีอุบัติเหตุอะไรเลย แล้วแกก็เหมือนช่วยดูรถให้ แล้วแกก็ไม่มา แต่ถึงแกมา แกก็ไม่ให้เห็น แต่ช่วงแรกๆ ที่รู้ก็จะขับน้อยลงก่อน ยังทำใจไม่ได้นิดนึง”

คุณยายบนพัดลม ยังไง?

แบงค์ : “ตอนนั้นไปทำท่องเที่ยวที่ชัยภูมิ แล้วนอนเป็นกระท่อม แล้วเหมือนผีอำ แล้วมันจะเป็นพัดลมหมุน แล้วเรากึ่งหลับ กึ่งตื่น แล้วผมก็ฝันถึงคุณตากับคุณยายมาขอส่วนบุญ แล้วพอเหมือนเราตัวแข็งโดนผีอำ ก็ลืมตาเห็เหมือนคุณยายนั่งอยู่บนพัดลม จนผมหลุดมาได้ตกใจตื่น ผมก็ทำบุญให้ตอนเช้า ก็ไปถามคนที่เฝ้ารีสอร์ทว่ามีพระบิณฑบาตรไหม เขาก็ถาม ทำไมเหรอ เมื่อคืนเจอคุณตา คุณยายเหรอ ผมก็เลยอ่อชัวร์แน่นอน” 

ติดตามชมคำสัมภาษณ์แบบเต็มๆ ได้ในรายการคุยแซ่บ Show ทุกวันจันทร์-วันศุกร์  เวลา13.05-14.05 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ