เอาผิดพยาบาล “ดึงปลั๊กอีซีจี” – มิร์เรอร์ รายงานความคืบหน้าเหตุสะเทือนใจใน ออสเตรเลีย ที่เกิดขึ้นเพราะความไม่เป็นมืออาชีพของบุคลากรที่ได้ชื่อว่า “พยาบาล” หลังจากพยาบาลเวรดึกปิด อุปกรณ์ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (อีซีจี) ของผู้ป่วยสูงวัยเพราะเสียงของเครื่องดังกล่าวรบกวนการเฟซไทม์พูดคุยกับญาติของตัวเอง และเพียงไม่กี่นาทีต่อมาชายชราก็เสียชีวิตลง
จากเอกสารการไต่สวนของศาลอุทธรณ์รัฐนิวเซาต์เวลส์ว่า ระหว่างปฏิบัติหน้าที่พยาบาลเวรดึกที่โรงพยาบาลเอกชนนีเปียน ไพรเวต ในเขตคิงส์วูด นครซิดนีย์ เมื่อวันที่ 29 ก.ค.2564 น.ส.เจอรัลดีน ลุมโบ เวลส์ ดีซอน ผู้ต้องสงสัย รับสายเฟซไทม์จากญาติและปิดเครื่องตรวจคลื่นหัวใจของชายชราวัย 85 ปี ผู้ป่วยที่พักรักษาตัวในแผนกซึ่งน.ส.ดีซอนทำงานอยู่ นอกจากนี้ยังปฏิบัติงานผิดพลาดเพราะไม่ได้แจ้งต่อแพทย์เจ้าของไข้ว่าหญิงชรามีอัตราการเต้นของหัวใจที่ผิดพลาด
ข้อความบางส่วนจากการไต่สวนระบุว่า “เมื่อเวลา 07.07 น. ของวันที่ 30 ก.ค.2564 เครื่องตรวจคลื่นหัวใจแสดงผลว่าผู้ป่วยเอ (ไม่ระบุชื่อ) มี ภาวะหัวใจเต้นช้ากว่าปกติ (bradycardia) พยาบาลและเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ไม่ได้ยินเสียงเตือนเนื่องจากระบบเตือนของเครื่องมือถูกตัดการเชื่อมต่อ”
ขณะที่น.ส.ดีซอนกล่าวแย้งว่าปิดเสียงเครื่องตรวจคลื่นหัวใจเพื่อไม่ให้เกิดความสบสนกับเสียงอุปกรณ์ของผู้ป่วยคนอื่น รวมถึงเสียงกริ่งประตูแผนก
รายงานระบุหลังจากระบบเตือนแบบปิดเสียงเริ่มทำงานเพียง 7 นาทีชายชราเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว และภายใน 10 นาทีต่อมาก็เสียชีวิตอยู่บนเตียงผู้ป่วย นอกจากความผิดพลาดกรณีปิดเครื่องตรวจคลื่นหัวใจ และไม่ได้แจ้งแพทย์ถึงภาวะหัวใจเต้นช้าแล้ว
หลักฐานจากกล้องวงจรปิดยังบ่งชี้ว่าน.ส.ดีซอนทำงานบกพร่อง ทั้งที่จำเป็นต้องติดตามตรวจสภาพร่างกายผู้ป่วยต่อเนื่อง กลับทำหน้าที่ดังกล่าวแค่ 1 ครั้งในช่วงเข้าเวร 10 ชั่วโมง และใช้เวลาคุยโทรศัพท์ก่อนเกิดเหตุไม่คาดคิดนานกว่า 15 นาที
ส่วนตลอดช่วงเข้าเวรน.ส.ดีซอนคุยโทรศัพท์รวมทั้งหมด 66 นาที ซึ่งผู้ต้องสงสัยให้การว่าคุยกับครอบครัวในฟิลิปปินส์ และอ้างว่าเคยแจ้งหัวหน้าพยาบาลแล้วว่าตนไม่เชี่ยวชาญการอ่านเครื่องตรวจคลื่นหัวใจ อย่างไรก็ตาม จากหลักฐานทั้งหมดศาลตัดสินว่าน.ส.ดีซอนมีความผิดจริงฐานปฏิบัติหน้าที่ผิดพลาดและจะมีการพิพากษาโทษอีกครั้ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- โดนจำคุกตลอดชีวิตอยู่แล้ว พยาบาลนักฆ่าถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมอีก 97 ชีวิต