พิธา ชูโรดแมปเปลี่ยนประเทศไทย ถ้าก้าวไกลเป็นรัฐบาล ไม่หวั่นโดนสาดโคลน

Home » พิธา ชูโรดแมปเปลี่ยนประเทศไทย ถ้าก้าวไกลเป็นรัฐบาล ไม่หวั่นโดนสาดโคลน



พิธา ชูโรดแมป ถ้าก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล ย้ำเป็นทางรอด ไม่ใช่ทางเลือก ไม่หวั่นวิชามารโดนสาดโคลน พร้อมสู้ด้วยความจริงใจ-สร้างสรรค์

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 2 พ.ค. 2566 ที่รอยัล พารากอนฮอลล์ มติชนxเดลินิวส์ จัดเวทีดีเบต “สงคราม 9 พรรค THE LAST WAR” โดยยกทัพพรรคการเมืองชั้นนำครั้งยิ่งใหญ่ ทั้งขุนพลเลือดใหม่ (Young blood) ขุนศึกตัวตึง-ตัวเก๋า และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชันนโยบาย เพื่อนับถอยหลังเข้าสู่โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง

จากนั้นเวลา 15.45 น. เข้าสู่รอบที่ 3 เวที “แม่ทัพ วิสัยทัศน์และสัญญาประชาคม” โดยหัวหน้าพรรคหรือแกนนำพรรค โชว์นโยบายของแต่ละพรรค โดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณ ผู้ที่อ่านหนังสือพิมพ์มติชน-เดลินิวส์ ที่ให้ความไว้วางใจตน เป็นนายกรัฐมนตรีในโพลถึง 2 ครั้งซ้อน

ตนขอใช้เวทีดังกล่าว ในการประกาศความพร้อมของรัฐบาลก้าวไกล ประกาศความพร้อมของนายกรัฐมนตรีตัวจริงที่ชื่อพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ซึ่งแน่นอนว่า ถ้าจะเปลี่ยนคะแนนจากนายกฯ โพล ให้กลายเป็นนายกฯ ตัวจริง เราต้องแสดงให้ประชาชนเห็นว่าพรรคก้าวไกล พร้อมที่จะเป็นรัฐบาลชุดต่อไปด้วยอุดมการณ์จากอดีตพรรคอนาคตใหม่

นายพิธา กล่าวว่า โรดแมปเปลี่ยนประเทศไทยใน 100 วันแรก – 1 ปีแรก – สมัยแรก ในการปฏิรูปรัฐบาลหลังเข้าทำเนียบ ภายใต้กรอบคิด การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต สำหรับภารกิจ 100 วันแรก มี 3 ด้าน ได้แก่ 1.การเมืองดี มุ่งจัดทำประชามติจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ ผ่านสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) นิรโทษกรรมคดีการเมือง รัฐเปิดเผยงบประมาณด้วย AI จับโกง

ห้ามใช้เงินหลวงโปรโมตตัวเอง เปิดเผยการจัดซื้อจัดจ้างทุกขั้นตอน รวมถึงปลดล็อกท้องถิ่นยกเลิกกฎระเบียบกระทรวงมหาดไทยที่เป็นอุปสรรคทั้งหมด และสมรสเท่าเทียม พิจารณาต่อภายใน 60 วัน ผลักดันให้ผ่านสภาภายใน 100 วัน

2.ปากท้องดี กระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น นโยบายหวยใบเสร็จ เปิดเจรจาการลงทุนเป้าหมาย แก้ไขปัญหาปากท้อง แก้สูตรคำนวณค่าไฟฟ้า ลด 70 สตางค์ เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาททันที ปลดล็อกเศรษฐกิจ เช่น ผลักดันสุราก้าวหน้า ออกโฉนดนิคมสหกรณ์ และนิคมสร้างตนเอง 6.5 ล้านไร่ รวมถึงเปิดเสรีโซลาร์เซลล์

3.มีอนาคต ปฏิวัติการศึกษา เช่น ลดงานธุรการ-เอกสารให้ครู ยกเลิกครูนอนเวร ลดอำนาจนิยมในโรงเรียน คืนศักดิ์ศรีไทยในเวทีโลก เพิ่มบทบาทในอาเซียนแก้ไขปัญหามนุษยธรรม สุขภาพดีทั้งกาย-ใจ เซ็นปลดล็อกสิทธิ์ป้องกัน HIV อย่างเท่าเทียม เพิ่มคัดกรองสุขภาพจิตในการตรวจสุขภาพประจำ บริจาคอวัยวะเชิงรุก ลด PM 2.5 ห้ามนำเข้าสินค้าเกษตรเกี่ยวข้องกับการเผาทันที

นายพิธา กล่าวต่อว่า ส่วนภายใน 1 ปีแรก รัฐบาลก้าวไกลพร้อมยื่นกฎหมาย 45 ฉบับทันที เมื่อสภาเปิด เพื่อพุ่งเป้าแก้ไขปัญหาประเทศ เพิ่มอำนาจทางกฎหมาย เกี่ยวกับการเมือง 11 ฉบับ สิทธิเสรีภาพ 6 ฉบับ ปฏิรูประบบราชการ 6 ฉบับ ปฏิรูปที่ดิน 8 ฉบับ บริการสาธารณะ 4 ฉบับ แรงงาน 2 ฉบับ เศรษฐกิจ 4 ฉบับ และสิ่งแวดล้อม 2 ฉบับ

ในด้านงบประมาณปีแรก สามารถรื้องบจากรัฐบาลชุดก่อน ผสมกับการจัดเก็บภาษี และแหล่งรายได้ใหม่ของรัฐ เช่น หวยบนดิน รวมเป็นงบ 2.5 แสนล้านบาท เพื่อเปลี่ยนประเทศ และจัดสรรด้านต่างๆ เช่น ขึ้นค่าแรง ส่งเสริมการศึกษา เพิ่มขนส่งสาธารณะ ป้องกันการตกหล่นจากระบบการศึกษาด้วยคูปองเปิดโลกในห้องเรียน ตรวจสุขภาพประจำปี ฟรีค่าตรวจ-ค่าเดินทาง

ทั้งนี้ พรรคก้าวไกลยังปักหมุด 3 ประการ เพื่อสร้างความหวัง คือ ปลดล็อกเลือกตั้งผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด เปลี่ยนระบบบังคับเกณฑ์ทหารเป็นระบบสมัครใจ รื้อฟื้นคดีสลายการชุมนุมปี 2553 เพื่อคลายล็อกหลายๆ อย่างในการบริหารต่อไป

ด้าน 4 ปีแรก จะเป็นผลลัพธ์ของการติดกระดุมเม็ดแรก ประกอบด้วย ได้รัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ยกเลิกบังคับการเกณฑ์ทหาร เลือกตั้งผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด คืนที่ดินประชาชน 10 ล้านไร่ ตำรวจอยู่ข้างประชาชน รัฐโปร่งใสไร้กลโกง สวัสดิการลดเหลื่อมล้ำ ปฏิวัติการศึกษา รถเมล์ไฟฟ้าทุกจังหวัด น้ำประปาดื่มได้ ลดค่าไฟทันที 70 สตางค์ต่อหน่วย ทั้งหมดนี้ เราเห็นว่าคือทางรอดของประเทศไทย และไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป ฉะนั้น ถ้าท่านฝันเหมือนที่เราฝัน ขอให้เจอกันวันที่ 14 พ.ค. เลือกก้าวไกลให้ถล่มทลาย และเปลี่ยนประเทศไทยไปด้วยกัน

สำหรับคำถามจากกองบรรณาธิการ ถามว่า ขึ้นเวทีดีเบตไปแล้วกี่ครั้ง คิดว่ามากที่สุดหรือไม่ และจากผลโพลมติชน-เดลินิวส์ ทำให้มั่นใจมากยิ่งขึ้นหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า มากที่สุดไม่สำคัญเท่าเหมาะที่สุด ในการบริหารแคมเปญเลือกตั้ง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการดีเบตเพียงอย่างเดียว แต่การบริหารแคมเปญเลือกตั้ง มีอยู่ 4 ข้อสำคัญ ได้แก่ ออนแอร์ คือการที่มาดีเบตอยู่ตรงนี้ ออนเน็ต คือการออกรายการ

ออนกราวน์ คือการลงพื้นที่จริง การที่มีประชาชนเข้ามาหาเรา และถามว่านโยบายนี้ทำอย่างไร ไม่ใช่แค่เข้ามาจับไม้จับมือ และออนไซต์ ส่วนคำถามที่ว่าผลโพลทำให้มั่นใจมากยิ่งขึ้นหรือไม่นั้น โพลเป็นสิ่งที่สำคัญแต่ไม่ใช่ทุกอย่าง แต่ที่สำคัญกว่า คือการพบประกันตามเวทีปราศรัย

เมื่อถามว่า ถึงจุดนี้ยืนยันได้แล้วว่าพร้อมเป็นนายกฯ และคิดว่าจะมีใครมาขวางเส้นทางของคุณและพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ตระหนักแต่ไม่ตระหนก รู้ดีว่าจุดไฟในสายลมติดแล้ว ในเมื่อการเมืองแบบเก่าไม่สามารถกำจัดเราได้ เขาก็ฝากคนสกปรกมาให้เรา เขาก็จะเล่นวิชามารต่างๆ เหมือนที่รังแกอดีตพรรคอนาคตใหม่ แต่เราจะต้องสู้ด้วยความจริงใจและความสร้างสรรค์ สู้ด้วยการเมืองแห่งความหวัง

“การสาดโคลนไม่ช่วยอะไร เอาความมืดไล่ความมืดไม่ได้ ต้องเอาความสว่างไล่ความมืด เราต้องไม่หลงกลและมีสมาธิ ในการทำงานในช่วงโค้งสุดท้าย เดินหน้าหาเสียงอย่างเต็มที่ เพื่อมาตอบคำถามว่าพร้อมแค่ไหนสำหรับการเป็นนายกรัฐมนตรี” นายพิธา กล่าว

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ