หนุ่มซื้อคอนโดชั้น 31 ไม่ฟังคำเตือนของครอบครัวและเพื่อนๆ สุดท้ายกลายเป็นบทเรียนราคาแพง จะขายต่อก็ขายไม่ออก
ชายหนุ่มรายหนึ่งในมณฑลหูหนาน ประเทศจีน เล่าเรื่องราวบทเรียนราคาแพงของตัวเอง เพราะไม่ฟังคำแนะนำของพ่อแม่ ญาติ และเพื่อน ๆ ในการซื้อคอนโดบนชั้น 31 สุดท้ายกลายเป็นต้องเสียใจ เพราะจะขายต่อก็ขายไม่ออก
เขาเล่าว่า ตนเองเกิดและโตในชนบท ในเดือนกันยายน 2560 ลูกของเขาจะเข้าเรียนชั้นประถมศึกษา เพื่อให้ลูกมีสภาพแวดล้อมทางการศึกษาที่ดีขึ้น เขาจึงพาเขาไปโรงเรียนในเมือง แต่บ้านของเขาอยู่ห่างจากโรงเรียนมากกว่า 10 กิโลเมตร ดังนั้นทุกเช้าเขาต้องพาลูกชายไปส่งที่โรงเรียน และไปรับหลังเลิกเรียนในช่วงบ่าย ด้วยเหตุนี้จึงตัดสินใจซื้อคอนโดในเมือง
ช่วงเดือนพฤษภาคม 2561 เขาไปสำนักงานอสังหาริมทรัพย์เพื่อขอคำแนะนำ ตอนนั้นไม่รู้จะซื้อบ้านชั้นไหน เลยพึ่งนายหน้าทั้งหมด ซึ่งนายหน้าคนนี้บอกควรซื้อบ้านชั้นสูงเพราะวิวสวยและแสงสว่างดี นายหน้ายังยืนยันอีกว่า “ยิ่งบ้านสูง ฮวงจุ้ยก็จะยิ่งดี และชีวิตเจริญก้าวหน้าได้ง่ายขึ้น”
หลังจากนั้นเขาไปดูบ้านชั้น 31 บอกตรง ๆ วิวและแสงสว่างของคอนโดนี้ดีมาก ลูกชายของเขาก็ชอบเหมือนกัน เด็กชายสามารถมองเห็นโรงเรียนจากระเบียงได้
เมื่อพ่อแม่ ญาติ และเพื่อน ๆ รู้ว่าเขาต้องการซื้อบ้านบนชั้น 31 พวกเขาทั้งหมดต่างคัดค้าน โดยเฉพาะพ่อแม่ พวกเขาคิดว่าคอนโดอยู่บนชั้นสูง ดังนั้นหากมีเหตุร้ายเกิดขึ้น พวกเขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ตอนนั้นเขาได้แต่คิดว่าคิดว่าพ่อแม่คิดมากเกินไป ในที่สุดก็ยังตัดสินใจซื้อคอนโดนี้
ซึ่งการซื้อบ้านหลังนี้ไม่เพียงแต่ใช้เงินออมทั้งหมดของเขาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเงินบำนาญที่พ่อแม่ของเขาเก็บเอาไว้ด้วย
แจงละเอียดยิบ ข้อเสียของคอนโดชั้นสูง
เขาบอกอีกว่า ตนเองยังจำช่วง 2-3 เดือนแรกของการย้ายเข้ามาได้ ในตอนแรกเขารู้สึกสบายใจมาก แต่เพียงครึ่งปีให้หลัง ก็ต้องเสียใจ!
ประเด็นที่ 1 การรอลิฟต์นานเกินไป อาคารมีลิฟต์ 2 ตัว แต่ละชั้นมี 6 ห้อง รวมทั้งหมด 34 ชั้น เนื่องจากความต้องการมีมากและมีลิฟต์ไม่มากนัก จึงมักต้องรอเป็นเวลานาน ทุกวันเธอและลูกจะต้องไปก่อนเวลา 20 นาทีเพื่อรอลิฟต์ หากเราไปสายไม่กี่นาที ก็จะไปสายแน่นอน
ประเด็นที่ 2 คือ กลัวลิฟต์ขัดข้องและไฟฟ้าดับ เขาเคยเจอปัญหาแบบนี้ครั้งหนึ่งจริง ๆ วันหนึ่งในเดือนกรกฎาคม 2565 ลิฟต์มีปัญหาจึงไม่ทำงาน เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเดินจากชั้น 1 ขึ้นไปชั้น 31 คิดย้อนกลับไปตอนนี้เขาก็ยังกลัวอยู่
ประเด็นที่ 3 คือ ลมแรงมาก แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับเขาที่จะเปิดประตูทุกบานพร้อมกัน เพราะลมจะพัดเข้ามาทำให้สิ่งของที่มีน้ำหนักเบา เช่น เสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว และหนังสือปลิวไปทั่ว นอกจากนี้ ประตูบานใหญ่ยังสามารถปิดกระแทกได้ตลอดเวลา สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือมีช่วงหนึ่งที่ลมแรงมากจนทันทีที่เขาเปิดประตูเขาก็ล้มลง
ประเด็นที่ 4 คือ น้ำไหลอ่อนมาก โดยเฉพาะในช่วงที่มีการใช้น้ำสูงสุด ทุกครั้งที่ทำอาหารหรือทำธุระส่วนตัวจะใช้เวลานานเพราะต้องรอน้ำ ตั้งแต่เด็ก ๆ เขาคุ้นเคยกับการทานอาหาร 3 มื้อที่บ้าน คุ้นเคยกับวิถีชีวิตแบบนี้มานานหลายทศวรรษแล้ว แต่ตั้งแต่ย้ายมาอยู่คอนโด เขาต้องซื้ออาหารเช้าให้ลูก ๆ และตัวเองเพื่อประหยัดเวลา นอกจากนี้ ในฤดูร้อน ความจำเป็นในการอาบน้ำและซักผ้าเพิ่มมากขึ้น ทำให้การรอน้ำไม่สะดวกมากยิ่งขึ้น
ประเด็นที่ 5 คือบ้านชั้น 31 มีฝุ่นและเสียงเยอะ เขาไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะต้องมาอยู่ในสภาพนี้ ก่อนจะย้ายมานี่คิดว่าถ้าบ้านอยู่ชั้นสูงด้านหน้าจะไม่มีอะไรกีดขวางและอากาศจะโปร่งสบาย แต่นั่นไม่ใช่ในกรณีไม่มีต้นไม้หรือพืชพรรณมาบังลม ฝุ่นจึงเข้ามาในบ้านเป็นจำนวนมาก เขาเป็นภูมิแพ้ทุกครั้งที่กลับบ้านและจะจาม นี่ทำให้เขารู้สึกอนาถใจจริง ๆ แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปิดประตูทุกบานก่อนจะออกไปข้างนอก
นอกจากนี้ เมื่ออาศัยอยู่ชั้น 31 ก็ต้องชินกับเสียงด้วยโดยเฉพาะเวลามีลมแรง ถ้ามีคนพูดข้างล่างตอนกลางดึกก็จะได้ยินชัดเจน สิ่งนี้ส่งผลอย่างมากต่อการนอนหลับของแม่และเขา เนื่องจากเขานอนหลับไม่สนิทในตอนกลางคืน จึงมักจะหงุดหงิดในระหว่างวันเมื่อไปทำงาน
ชายหนุ่มเล่าต่อว่า หลังจากอยู่สักพัก เขาอยากขายบ้านหลังนี้แล้วย้ายไปชั้นล่าง อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านั้นเขาซื้อบ้านในราคา 510,000 หยวน (ประมาณ 2.6 ล้านบาท) แต่คนที่สนใจจะซื้อมีงบเพียง 350,000 หยวน (ประมาณ 1.8 ล้านบาท) เนื่องจากความแตกต่างค่อนข้างมาก เขาจึงยังไม่อยากขาย
นอกจากนี้ ด้วยเงินจำนวน 350,000 หยวน (ประมาณ 1.8 ล้านบาท) เขาจะไม่สามารถซื้อคอนโดอื่นได้ เพราะราคาบ้านโดยทั่วไปยังคงเพิ่มขึ้น ดังนั้นจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับการใช้ชีวิตในคอนโดนี้ต่อไป