กรมศุลกากร สั่งปรับ 3 แสนบาท บริษัทนำเข้าขยะต้องห้าม อ้างไม่รู้เป็นอะไร คาดอีก 2-3 เดือน ส่งกลับต้นทางออสเตรเลีย หลังดำเนินคดีแล้วเสร็จ
จากกรณีกรมควบคุมมลพิษ ร่วมกับกรมศุลกากร ตรวจสอบสินค้าที่นำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย โดยบริษัท อินเตอร์ แปซิฟิก เปเปอร์ จำกัด น้ำหนักประมาณ 130 ตัน พบมีเศษกระดาษและมีวัสดุชนิดอื่นปะปน เช่น กระเป๋าผ้า ซองบรรจุภัณฑ์อาหาร หน้ากากอนามัย ผ้าอ้อมอนามัย สเปรย์กระป๋อง ซองยา เป็นต้น รวมวัสดุเจือปนประมาณ 20-30 % เข้าข่ายเป็นขยะเทศบาล ห้ามนำเข้าและห้ามนำผ่านราชอาณาจักรนั้น
เมื่อวันที่ 29 ก.ค. 2565 นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ(คพ.) กล่าวถึงความคืบหน้าว่า คพ. ได้ทำหนังสือยืนยันไปยังกรมศุลกากร ว่า สิ่งที่ส่งมากับตู้คอนเทนเนอร์เป็นขยะเทศบาล ไม่ใช่วัสดุที่จะนำมาแปลสภาพเป็นกระดาษม้วนตามที่บริษัทอ้างได้ ซึ่งทางกรมศุลกากรจะไปแจ้งความดำเนินคดี ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร ว่าด้วยเรื่องสินค้าต้องห้ามนำเข้าประเทศต่อไป
“ในส่วนของ คพ. ต้องรอให้การดำเนินการทางกฎหมายสิ้นสุด คาดว่าประมาณ 2-3 เดือน จากนั้นจะทำหนังสือไปยังกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งเรื่องไปยังประเทศต้นทาง คือออสเตรเลียให้ทราบถึงปัญหานี้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำกันอีก และจะส่งขยะเทศบาลดังกล่าวนี้คืนประเทศต้นทาง” นายอรรถพลกล่าว
เมื่อถามว่า บริษัทที่นำเข้ารู้หรือไม่ว่าของที่สั่งเข้ามานั้น นำเข้าประเทศไม่ได้ นายอรรถพล กล่าวว่า ทางบริษัทอ้างว่าไม่รู้ว่าต้นทางจะส่งอะไรมา ส่วนตัวสงสัยเหมือนกันว่าเยื่อกระดาษที่บริษัทสั่งซื้อจะเอามาทำเป็นกระดาษม้วนนั้น มีหน้ากากอนามัยใช้แล้วและรองเท้าที่ใช้แล้วด้วยหรือไม่ สำหรับราคาของทั้งหมดที่ระบุในชิปปิ้ง มูลค่าตู้ละ 800,000 บาท มีทั้งหมด 3 ตู้ ทางกรมศุลกากรได้สั่งปรับทั้งหมด 300,000 บาท
เมื่อถามว่า กรณีที่มีขยะเทศบาลถูกส่งมาจากต่างประเทศเช่นนี้ เคยเกิดขึ้นมาหรือไม่ นายอรรถพล กล่าวว่า ที่ทางกรมศุลกากรแจ้งมายัง คพ.นั้น ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ครั้งแรกเมื่อปี 2564 ส่งมาจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งใช้เวลาดำเนินคดี และส่งกลับประเทศต้นทาง 2-3 เดือนเช่นกัน