สกัดจับ แก๊งขนแรงงานเถื่อน ”ผัวอีปุ๋ย” ขับอ้อมด่านหวังหลบจนท. แต่ไม่รอด จนมุมรถติดโคลน พบขนแรงงานผิดกฏหมายมาแน่นเต็มคันรถ
วันที่ 4 ส.ค. 2565 นายสมชาย ไตรทิพย์ชาติสกุล นอภ.แม่สอด นำกำลังชุดเคลื่อนที่เร็ว ร้อยอส.รักษาดินแดน อำเภอแม่สอดที่ 3 ปลัดอำเภอแม่สอด กำนันตำบลด่านแม่ละเมาและผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 บ้านห้วยยะอุ ต.ด่านแม่ละเมา อ.แม่สอด จ.ตาก สนธิกำลังทหารหน่วยฉก.ร.14 ตั้งจุดตรวจและปิดถนนกลางหมู่บ้านเป้าหมายเพื่อสกัดจับขบวนการขนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย หลังรับรายงานว่าจะมีกลุ่มขบวนการขนย้ายแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายผ่านเส้นทางดังกล่าว
ต่อมา ชุดการข่าวฝ่ายปกครองแม่สอดตรวจพบรถกระบะต้องสงสัย 2 คัน ขับลัดเลาะมาบนเส้นทางสายอ้อมด่านตรวจและขับเข้ามาในหมู่บ้านห้วยพลู-บ้านห้วยยะอุ และกำลังขับมุ่งหน้าไปออกบนถนนสายแม่สอด-ตาก ซึ่งคาดว่ารถกระบะทั้งสองคันอาจมีสิ่งของผิดกฎหมายซุกซ่อนอยู่ในรถ เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังไปตั้งจุดตรวจจุดสกัดบนเส้นทางดังกล่าว จนรถทั้งสองคันขับมาถึงใกล้จุดสกัดของเจ้าหน้าที่
คนขับรถยนต์ทั้งสองคันซึ่งขับรถมาด้วยความเร็วสุงตัดสินใจหักหัวรถยนต์ลงไปริมถนนซึ่งเป็นพื้นที่ทางการเกษตรเพื่อจะกลับลำรถหลบหนีแต่รถดันไปติดโคลน เนื่องจากฝนตกจนทำให้รถทั้งสองคันขับหลบหนีไปต่อไม่ได้คนขับจึงยอมให้จับ จากนั้นเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบรถยนต์คันแรกเป็นรถยนต์กระบะแคป ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว ติดทะเบียนป้ายแดง ก-3118 ปราจีนบุรี ติดสติ๊กเกอร์กลุ่มว่า “ผัวอีปุ๋ย “
ซึ่งคาดว่าเป็นรถนำทางหรือดูต้นทางภายในรถพบตัวนายจตุรวิทย์ ( สงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี และนางสาวศุจินทนา ( สงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี สองสามีภรรยาชาวจังหวัดพิจิตรอยู่ภายในรถโดยทั้งสองไม่ยอมให้การใดๆกับเจ้าหน้าที่ ใกล้กันพบรถยนต์กระบะสี่ประตู ยี่ห้อมาสด้า สีบรอนซ์เทา หมายเลขทะเบียน 7กล-7069 กรุงเทพ สภาพรถล้อรถทั้งสี่ล้อจอดติดจมโคลนอยู่ในไร่เกษตรของชาวบ้านไม่สามารถขับเคลื่อนได้
ส่วนภายในรถพบตัวนายกฤษดา อายุ 42 ปี ชาวจังหวัดนครปฐม เป็นคนขับรถยกมือยอมมอบตัวกับทีมเจ้าหน้าที่แต่โดยดีหลังโดนเจ้าหน้าที่ล้อมจับไปรอบรถยนต์หมดทางหนีต่อ ส่วนภายในรถทั้งห้องโดยสารและท้ายกระบะพบแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายสัญชาติเมียนมาเป็นชาย 11 คนและหญิง 4 คนรวมทั้งหมด 15 คนพร้อมกระเป๋าเดินทางคนละหนึ่งใบโดยแรงงานทั้งหมดอยู่ในสภาพตกใจและต้องนั่งและนอนหลบซ่อนตัวอยู่ในรถยนต์คันดังกล่าวเป็นเวลานาน
เจ้าหน้าที่จึงนำตัวแรงงานผิดกฎหมายทั้งหมดลงจากรถพร้อมใช้รถไถขนาดใหญ่มาดึงชักลากรถยนต์ที่ติดโคลนนำขึ้นมาบนถนนเพื่อทำการตรวจสอบหาสิ่งของผิดกฎหมายภายในรถแต่ภายใรถไม่พบยาเสพติดและอาวุธแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงให้การช่วยเหลือแรงงานโดยการมอบอาหารและน้ำดื่มให้ได้รับประทานเป็นการช่วยเหลือเบื้องต้นทางด้านมนุษยธรรมก่อนควบคุมตัวไปสอบสวนขยายผล
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่าแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายทั้ง 15 คนที่ถูกจับ ได้มีนายหน้าทั้งคนไทยไม่ทราบชื่อนำพาลักลอบข้ามแนวชายแดนไทย-เมียนมา ผ่านช่องทางธรรมชาติแนวชายแดนอำเภอแม่สอดโดยแรงงานทั้งหมดจะต้องจ่ายค่านายหน้าหัวละ 20,000 บาทเป็นขั้นต่ำ โดยมีจุดหมายจะเดินทางไปขายแรงงานที่กทม. ส่วนคนไทยทั้งสามคนเป็นแก๊งรับจ้างขนและรับจ้างขับรถนำทางได้ค่าขนหัวละ 500-1,000 บาท
ซึ่งเป็นการรับจ้างขนส่งในระยะทางสั้นๆและทำเป็นขบวนการทำงานแบบเป็นทีม ด้านเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอแม่สอดแจ้งว่าขณะนี้กลุ่มขบวนการได้เปลี่ยนยุทธวิธีในการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวโดยจากเดิมจะขนลำเลียงในช่วงเวลากลางคืนซึ่งถูกฝ่ายปกครองอำเภอแม่สอดกดดันจับได้มาโดยตลอดซึ่งล่าสุดกลุ่มขบวนการใช้วิธีขนในช่วงเวลากลางวันแบบไม่เกรงกลัวกฎหมาย
ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้นำตัวสามคนไทยไปสอบสวนขยายผลทางคดีพร้อมเร่งส่งตัวแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายทั้ง 15 คนดำเนินคดีตามกฎหมายและเร่งส่งผลักดันแรงงานทั้งหมดที่ถูกจับส่งออกนอกประเทศที่ด่านพรมแดนแม่สอดต่อไป