ศาลแขวงสงขลานัดฟังคำพิพากษาในคดี “คาร์ม็อบหาดใหญ่” คดีมีนักศึกษาและประชาชนถูกฟ้องถึง 11 ราย ใน 5 ข้อกล่าวหา ในวันที่ วันที่ 25 เม.ย. 2566 นี้ เวลา 9.00 น. ได้แก่ ร่วมกันฝ่าฝืนข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, กีดขวางทางสาธารณะ, ใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต , ส่งเสียงดังโดยไม่มีเหตุอันควร และปิดบังแผ่นป้ายทะเบียนรถ
สำหรับเหตุในคดีเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 ส.ค. 2564 กลุ่มเด็กได้จัดกิจกรรมคาร์ม็อบ “หาดใหญ่เบอะสุด เขรถยิกลุง เหยดแม่ม” รวมตัวกันบริเวณหน้าค่ายเสนาณรงค์ เพื่อขับรถมุ่งเข้าตัวเมืองหาดใหญ่ ไปหยุดหน้าป้าย สภ.หาดใหญ่ และยุติชุมนุมที่หอนาฬิกาหาดใหญ่ กิจกรรมมีข้อเรียกร้อง 5 ข้อ ได้แก่
1. รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องลาออกทั้งคณะ
2. นำเข้าวัคซีนที่มีคุณภาพให้กับบุคลากรด่านหน้าและประชาชน
3. ออกมาตรการเยียวยาทางเศรษฐกิจต่อผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด
4. ลดภาระค่าใช้จ่ายและเพิ่มสวัสดิการให้กับประชาชน
5. ตำรวจเลิกทำงานให้กับทรราชและหันมารับใช้ประชาชน
- เดือดไม่จบ ทนายตั้ม ซัด ชูวิทย์ ปม คลิปVVIP แฉกลับด้วย คลิปฝากลูกรับราชการ
- ปรากฏการณ์ “ไร้เงา” ดวงอาทิตย์ตั้งฉาก 27 เมษายนนี้ อากาศจะร้อนขึ้นหรือไม่
- เลือกตั้ง 2566 กกต. อำนวยความสะดวก”ผู้สูงอายุ – คนพิการ” ไปใช้สิทธิ
หลังจากกิจกรรม มีผู้เข้าร่วมถึง 11 คน ทั้งนักเรียน นักศึกษา และประชาชน ถูกตำรวจ สภ.คอหงส์ ออกหมายเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหา นับเป็นจังหวัดที่มีการดำเนินคดีจากการทำกิจกรรมคาร์ม็อบต่อผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมากอันดับต้นๆ หากไม่นับกรุงเทพมหานคร
คดีมีการสืบพยานไปเมื่อวันที่ 1-3, 8-9 และ 15-16 ก.พ. 2566 ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 4 ของศาลแขวงสงขลา โดยเดิมมีรายชื่อพยานโจทก์ทั้งหมดถึง 31 ปาก แต่ต่อมาทางฝ่ายจำเลยได้รับคำให้การของพยานโจทก์ที่มีเนื้อหาซ้ำซ้อนกัน คือชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ติดตามสถานการณ์การชุมนุม ทำให้การสืบพยานโจทก์มีจำนวนเหลือ 6 ปาก ขณะที่ฝ่ายจำเลยทุกคนได้เข้าเบิกความ รวมทั้งมีพยานผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายเข้าเบิกความอีกหนึ่งปาก
ฝ่ายจำเลย
ต่อสู้ว่ากิจกรรมคาร์ม็อบที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นการชุมนุมในสถานที่แออัด ไม่ได้มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคโควิด-19 เนื่องจากผู้เข้าร่วมทั้งหมดสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ไม่ได้มีการลงจากรถมารวมตัวกัน มีผู้ขึ้นปราศรัยในรถเครื่องเสียงเพียงบางส่วนเท่านั้น ทั้งผู้จัดก็มีการประชาสัมพันธ์ถึงการป้องกันโรคไว้ทั้งบนเพจเฟซบุ๊กและระหว่างเคลื่อนขบวนรถ
นอกจากนั้นขบวนคาร์ม็อบ ก็ไม่ได้กีดขวางการจราจร แต่มีการขับรถเรียงกันไปในถนนเลนเดียว โดยผู้สัญจรคนอื่นๆ ยังใช้ถนนอีกเลนได้ โดยรถไม่ได้ติดขัด ส่วนการบีบแตรที่ทำให้เกิดเสียงดัง ก็ไม่ได้มีการบีบตลอดเวลา แต่เกิดขึ้นเป็นช่วงๆ จำเลยส่วนใหญ่ยังไม่ได้เป็นผู้จัดกิจกรรม แต่เดินทางไปร่วมตามความสนใจ บางคนเพียงขอขึ้นร่วมปราศรัยด้วยเท่านั้น ทั้งจำเลยรายหนึ่งเป็นเพียงคนขับรถรับจ้าง ที่ถูกว่าจ้างนำรถบรรทุก 6 ล้อมาเท่านั้น ระหว่างสืบพยานคดีนี้ ศาลยังมีการขอตรวจเช็คสมุดจดบันทึกของผู้สังเกตการณ์คดีจาก Law Long Beach และสั่งว่าหากจะมีการจดบันทึกในห้องพิจารณา ให้แจ้งขออนุญาตจากศาลก่อนด้วย
ติดตามข่าวสาร Bright Today ช่องทางอื่นๆ
Website : BRIGHT TODAY
Facebook : BRIGHT TV
Line Today : BRIGHT TODAY