วันที่ 29 มิถุนายน 66 ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก น.ส.ดวงรัตน์ อายุ 47 ปี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 08.00 น.ของวันนี้ ได้มี พ.ต.ท.ไพศาล ศรีสวัสดิ์ สว.สอบสวน สภ.ทุ่งตะโก โทรศัพท์มาสอบถามว่า รู้จักนายเด่นพงศ์ อายุ 51 ปี ซึ่งตนได้ตอบไปว่ารู้จักเพราะเป็นพี่ชายตนเองและเป็นผู้ป่วยจิตเวช
โดยทางตำรวจได้แจ้งว่า พี่ชาย ได้มาที่ สภ.ทุ่งตะโก และได้บอกกับทางตำรวจว่า พ่อถูกฆ่าตายอยู่ในบ้าน ให้ช่วยไปตรวจสอบว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ น.ส.ดวงรัตน์ กล่าวว่า หลังจากที่ ตนเอง ได้ยินเช่นนั้น รู้สึกใจหายและได้รีบเดินทางจากบ้านตนเองซึ่งห่างจากบ้านพ่อเพียง 200 เมตร
ซึ่งเมื่อไปถึงพบว่าประตูหน้าบ้าน ซึ่งเป็นแบบประตูเหล็กยืดพับ มีกุญแจคล้องล็อคอย่างดี ซึ่งตนเองพยายามเรียกพ่อและพี่ชาย ไม่เงียบทั้งคู่ จึงได้นำกุญแจมาเปิดและเดินเข้าไปในบ้านก็พบพ่ออยู่ในสภาพนอนจมกองเลือดอยู่บริเวณหน้าตู้เสื้อผ้า จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทราบ
หลังจากนั้น พ.ต.ท.ไพศาล ศรีสวัสดิ์ สว.สอบสวน สภ.ทุ่งตะโก อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร ได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาให้ได้ทราบ ก่อนเดินทางไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.กิตติพงศ์ เทพหนู ผกก.สภ.ตะโก ,พ.ต.ท.ณรงค์ธรรม พันธุ์พฤกษ์ รอง ผกก.ป.สภ.ทุ่งตะโก ,พ.ต.ท.อภัยพงษ์ สุระกา รอง ผกก.สส.สภ.ทุ่งตะโก ,,พ.ต.ต.ชูศักดิ์ ทัศนภูมิ สว.สืบสวน.สภ.ทุ่งตะโก
เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน จ.ชุมพร กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ แพทย์ รพ.ทุ่งตะโก และหน่วยกู้ชีพกู้ภัย สมาคมพุทธประทีปหลังสวน จ.ชุมพร
โดยในที่เกิดเหตุเป็นบ้านสองชั้นครึ่งไม้ครึ่งปูน ปลูกอยู่ริมถนนสายบ้านทับช้าง ห่างจากถนนสายเอเชีย 41 ประมาณ 13 กม.ภายในบ้านพบผู้เสียชีวิต ทราบชื่อคือนายเกษม อายุ 79 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน อยู่ในสภาพสวมผ้าขาวม้าลายสก็อตนอนหงายจมกองเลือดอยู่ระหว่างตู้เสื้อผ้ากับจักรเย็บผ้า มีเสื้อขาวลายหมากรุกเปื้อนคราบเลือดซึ่งเป็นของผู้ตายตกอยู่ใกล้กัน
เจ้าหน้าที่จึงได้ให้แพทย์ดำเนินชันสูตรศพ พบว่า ผู้ตายถูกฟันด้วยของมีคม ไม่ทราบชนิดและขนาด เข้าบริเวณต้นคอทั้งสองข้าง ที่ข้อศอกขวา และบริเวณแผ่นหลังอีกหลายแผลและทุกจุดเป็นแผลฉกรรจ์
จากการตรวจสอบและเก็บพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบเพียงร่องรอยเลือดไหลนองพื้นเป็นบริเวณกว้าง มีคราบเลือดกระเด็นไปติดตามตู้เสื้อผ้าและจักรเย็บผ้า ใกล้กันมีร่องรอยคล้ายการต่อสู้กันแต่ตรวจโดยรอบไม่พบการรื้อค้นข้าวของเครื่องใช้แต่อย่างใด
เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บพยานหลักฐานอย่างละเอียดและนำมีดงอ 1 เล่ม ขวาน 1 อัน เคียว อีก 2 อัน ที่ตั้งอยู่ภายในบ้านมาเก็บร่องรอยนิ้วมือแฝง พร้อมทั้งให้ทางหน่วยกู้ชีพกู้ภัยฯนำร่างของผู้เสียชีวิต ส่ง รพ.ทุ่งตะโก ชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง
ต่อมา พ.ต.อ.ธงชัย นุ้ยเจริญ รอง ผบก.ภ.จว.ชุมพร ได้เดินทางมาที่ สภ.ทุ่งตะโก เพื่อติดตามคดีอย่างใกล้ชิดเนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ ผู้ก่อเหตุมีความโหดเหี้ยม และเป็นที่สนใจกับประชาชนทั่วไปอย่างมาก
โดยได้รวมสอบปากคำ นายเด่นพงศ์ หรือ เด่น ลูกชาย ผู้ต้องสงสัยและเป็นผู้อยู่อาศัยเพียงสองคนกับนายเกษม ผู้ตายและเป็นพ่อของนายเด่น ซึ่งจากการสอบสวนเจ้าหน้าที่ไม่ได้อะไรมากนักเนื่องจาก นายเด่นพงศ์ หรือนายเด่น ซึ่งเป็นผู้ป่วยจิตเวช
เจ้าหน้าที่จึงให้ทางตำรวจพิสูจน์หลักฐานเก็บดีเอ็นเอ ร่องรอยนิ้วมือเพื่อนำไปเปรียบเทียบกับมีดงอ ขวานและเคียว พร้อมทั้งยังให้ตำรวจนำตัวไปให้ทาง รพ.ทุ่งตะโก หาร่องรอยตามร่างกายอย่างละเอียดอีกด้วย
ในเบื้องต้นจากสอบถามนายเด่น ที่จับใจความได้ทราบเพียงว่า เมื่อคืนที่ผ่าน นายเด่น ได้หลับไปตั้งแต่ 3-4 ทุ่ม และตื่นมาตอนเที่ยงคืน มาเห็นพ่อนอนตายแล้ว จึงได้ขับรถ จยย.ออกจากบ้านเพื่อจะมาแจ้งตำรวจ แต่ระหว่างทางรถเกิดเสียหลักจมน้ำ จึงได้ทิ้งรถ แล้วเดินต่อมาอีก 7 กม.เมื่อมาถึงถนนใหญ่ ก็เช้าแล้ว
และได้อาศัยรถชาวบ้านมา ที่ สภ.ทุ่งตะโก และนั่งอยู่นานสองนาน จนตำรวจได้เข้ามาถามและได้บอกให้ตำรวจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเท่านั้น แต่คนร้ายเป็นใคร นายเด่น บอกแบบมึนๆงงๆว่าไม่รู้ แต่ตอบเพียงว่าพ่อร้องไห้ และบอกว่าทำไมไม่ทำงานบ้าง
เจ้าหน้าที่จึงได้เดินทางไปที่นายเด่น อ้างว่ารถ จยย.เสียหลักจมน้ำ ซึ่งก็พบ รถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ จริง จึงได้นำมาเก็บไว้ที่ สภ.ทุ่งตะโก เพื่ออาจจะมีส่วนสำคัญที่ประกอบกับสำนวนรูปคดี
ด้าน น.ส.ชมชื่น ซึ่งเป็นเพื่อนและมีบ้านอยู่ตรงบ้านบ้านเกิดเหตุ ได้เปิดเผยว่า ที่ผ่านมานั้น ทั้งสองพ่อลูกมักไม่ค่อยลงรอยมากเท่าไหร่ อยู่แบบต่างคนต่างอยู่ แต่ไม่ค่อยได้ยินเสียงทะเลาะกันมานานแล้ว ถึงลงไม้ลงมือกันเลย แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมาตนเองก็ไม่ค่อยจะแน่ใจว่านายเด่นจะเป็นผู้ก่อเหตุหรือเปล่า แต่ที่รู้ๆนั้น นายเกษม เป็นคนชอบดื่มและชอบบ่นเวลาเมาก็เท่านั้น
ในขณะที่ น.ส.ดวงรัตน์ ลูกสาวผู้ตาย ยังให้ข้อมูลว่า พี่ชายนั้น ก่อนที่จะเป็นผู้ป่วยจิตเวชนั้น เมื่อ 30 ปีที่แล้ว พี่ชายได้ขับรถ จยย.ชนกัน ศีรษะกระแทกพื้น เมื่อหายแล้วแต่ไม่ปกติ การเรียนที่เคยดี กลับเรียนไม่ทันเพื่อน จนคิดมากกลายเป็นผู้ป่วยจิตเวช
ซึ่งทางพ่อแม่พี่น้อง ได้นำไปรักษาที่ รพ.สราญรมย์ จ.สุราษฎร์ธานี จนอาการดีขึ้น มีแม่คอยดูแลให้กินยาเป็นเวลา ต่อมาเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมาแม่ ได้เสียชีวิตไป ทำให้นายเด่น กินยาไม่ตรงเวลา จนไม่ได้กินยาเลย อาการเลยกำเริบขึ้น และมักจะทะเลาะเบาะแว้งกับนายเกษม ผู้เป็นพ่อบ่อย
ส่วนตนนั้นได้มีครอบครัว ก็ได้แยกไปอยู่บ้านหลังใหม่ จะแวะเวียนมาหาแทบทุกวัน และล่าสุดคือเมื่อวานช่วงเย็นได้มาชวนพี่ชายและพ่อไปกินหมูกระทะ แต่ทั้งสองไม่ไป ตนเองก็ไปกับครอบครัว และขากลับประมาณ 3 ทุ่ม ได้ซื้อของมาฝาก แต่เมื่อมาถึงบ้านปิดแล้ว ก็เลยผ่านมาบ้าน และมารู้อีกทีว่าพ่อตาย ก็ตอนที่ตำรวจโทรมาให้ไปดูที่บ้าน
น.ส.ดวงรัตน์ กล่าวต่อว่า ตนเองไม่อยากจะซัดทอดว่าเป็นฝีมือของพี่ชาย เพราะยังไม่แน่ใจว่าใช่หรือไม่ ทั้งนี้ก็ขอให้เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะสืบสวนหาข้อเท็จจริงว่าคนร้ายที่ก่อเหตุพ่อ เป็นคนไหนกันแน่ และเชื่อว่าตำรวจคงจะสืบทราบได้ไม่นาน