เดวิด มอยส์ ผู้จัดการทีม เวสต์แฮม ยูไนเต็ด รับตื่นเต้นที่สามารถพา “ขุนค้อน” เข้าชิงชนะเลิศฟุตบอล ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีก ได้เป็นครั้งแรก พร้อมวิจารณ์เหตุแฟนบอลตะลุมบอนกันหลังเกมว่าเป็นสิ่งที่ไม่สมควรเกิดขึ้น
โดย เวสต์แฮม จากอังกฤษบุกเฉือน อาแซด อัล์กมาร์ จากเนเธอร์แลนด์ 1-0 ในฟุตบอลยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดที่สอง เมื่อวันที่ 18 พ.ค. จากประตูชัยของ ปาโบล ฟอร์นัลส์ นาที 90+4
จากผลที่เกิดขึ้นทำให้ “ขุนค้อน” ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศของรายการนี้เป็นครั้งแรกด้วยสกอร์รวมสองนัด 3-1 พร้อมเป็นการได้ลุ้นแชมป์รายการเมเจอร์ของยุโรปเป็นครั้งที่ 2 โดยหนเดียวที่ทีมเคยคว้าแชมป์ถ้วยยุโรปได้ต้องย้อนไปเมื่อศึกยูโรเปียน คัพ วินเนอร์ส คัพ เมื่อฤดูกาล 1964-65 หรือเมื่อ 58 ปีที่แล้ว
หลังเกม มอยส์ ให้สัมภาษณ์ถึงความรู้สึกว่า “เราทุกคนได้แต่ยืนหยัด และเรายังอยู่ในนัดชิงที่มีโอกาสคว้าถ้วยรางวัล ดังนั้นมีข้อดีมากมายที่มาจากมัน ผมอยู่ในวงการฟุตบอลและเป็นผู้จัดการทีมมาเป็นเวลานาน และคุณไม่ได้รับโอกาสที่ยิ่งใหญ่มากมาย”
“การเข้าชิงชนะเลิศเป็นสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นในช่วงชีวิตของผู้จัดการทีมหลายคน ผมตื่นเต้นที่ได้โอกาสหนึ่งหรือสองครั้งนั้น นี่เป็นรายการยุโรปครั้งแรกของผม และเป็นสิ่งที่ผมพอใจมาก”
นอกจากนั้นเทรนเนอร์วัย 60 ปียังกล่าวถึงเหตุวุ่นวายที่แฟนบอลของ อัล์กมาร์ มีการตะลุมบอนกับแฟนบอล เวสต์แฮม บนออัฒจันทร์หลังจบเกมซึ่งในโซนนั้นมีครอบครับของผู้เล่น “ขุนค้อน” นั่งอยู่ด้วยทำให้มีนักเตะของ เวสต์แฮม พยายามบุกขึ้นไปช่วยครอบครัว ก่อนสุดท้ายเจ้าหน้าที่จะเข้าควบคุมเหตุไว้ได้ว่า “เราต้องรอให้ฝุ่นสงบลงเพื่อดูว่ามันคืออะไร แต่ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดคือพื้นที่ซึ่งครอบครัวของผู้เล่นอยู่ นั่นคือที่มาของปัญหา และผู้เล่นหลายคนก็โกรธ เพราะไม่สามารถดูว่า ครอบครัวพวกเขาโอเคหรือไม่ เราต้องรอถามเจ้าหน้าที่ว่าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ ผมบอกได้แค่ว่า นักเตะมีส่วนรู้เห็นเพราะนั่นคือพื้นที่ครอบครัว”