นับวันกระแสคัดค้านยิ่งรุนแรงขึ้น กรณีคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าว
หลักใหญ่ใจความของร่างกฎกระทรวงดังกล่าว คืออนุญาตให้ชาวต่างชาติถือครองที่ดินได้ไม่เกิน 1 ไร่ แลกกับการนำเงินมาลงทุนในประเทศไทยอย่างน้อย 40 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน
ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่นิ่งเงียบต่อเรื่องนี้มาหลายวัน ระบุขณะนี้อยู่ ในขั้นตอนของคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาอยู่ และต้องรับฟังความเห็นจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งยืนยันด้วยจะชี้แจงต่อสังคมได้ทั้งหมด
การอนุญาตให้ชาวต่างชาติถือครองที่ดินได้ ไม่เกิน 1 ไร่ หรือที่ประชาชนและสังคมเข้าใจว่าเป็นการขายที่ดินให้ชาวต่างชาตินั้น หลายฝ่ายต่างกังวล มีคำถาม และข้อท้วงติงมากมาย
โดยส่วนใหญ่เห็นว่าไม่น่าจะเอื้อประโยชน์ต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนตามที่รัฐบาลกล่าวอ้าง แต่หวั่นเกรงจะทำให้ประเทศและประชาชนเสียเปรียบ เพราะเงินลงทุน 40 ล้านบาท สำหรับทุนต่างชาติแล้วถือว่าน้อยมาก
แต่หากประเทศมีสภาพเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง คนในประเทศมีกำลังซื้อแข่งขันกับต่างประเทศได้ ก็อาจจะเป็นประโยชน์ ทว่าที่เป็นอยู่ขณะนี้กำลังซื้อส่วนใหญ่ถดถอย และมีความเหลื่อมล้ำสูง
อีกทั้งในปัจจุบันก็มีกลุ่มทุนต่างชาติมาเช่าที่ดินเปิดกิจการกันจำนวนมาก หรือให้นอมินีถือครองแทนอย่างดาษดื่นดังที่รับทราบกันทั่ว
จะเป็นเรื่องดีหากพล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ และคณะรัฐมนตรี กลับไปทบทวนนโยบาย ขายที่ดินให้ชาวต่างชาติ พร้อมกับไปศึกษาอย่างละเอียดให้รอบคอบยิ่งขึ้น เพราะยังมีช่องโหว่มากมาย
หรือถ้ารัฐบาลยังยืนกรานจะเดินหน้านโยบายนี้ ก็ควรจัดทำเป็นพ.ร.บ.จะดีกว่าหรือไม่ เพื่อจะได้นำไปสู่การอภิปรายถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง ในสภา ถึงข้อดีข้อเสียอย่างไร
หรือไม่ก็พรรคแกนนำรัฐบาลอาจจัดทำเป็นนโยบายนำเสนอต่อสาธารณชนในการหาเสียงเลือกตั้งใหญ่ที่ใกล้เข้ามา เพื่อให้ประชาชนร่วมกันตัดสิน นับเป็นประชามติโดยอ้อมอีกแนวทางหนึ่ง
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร แนวคิดขายที่ดินให้ต่างชาติ เกิดคำถามไปทั่วว่ารัฐบาลหมดหนทางแล้วหรือไม่ที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน