นับถือหัวใจ! กวินทร์ เลือกกลับช่วย ช้างศึก แม้พ่อป่วยมะเร็งเข้าไอซียู

Home » นับถือหัวใจ! กวินทร์ เลือกกลับช่วย ช้างศึก แม้พ่อป่วยมะเร็งเข้าไอซียู


นับถือหัวใจ! กวินทร์ เลือกกลับช่วย ช้างศึก แม้พ่อป่วยมะเร็งเข้าไอซียู

กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ เลือกที่จะกลับมาช่วยทีมชาติไทย ลุยศึกซูซูกิ คัพ แม้คุณพ่อป่วยเป็นมะเร็ง ทรุดจนต้องเข้าไอซียู แต่ด้วยสปิริต จึงเดินทางกลับไปเสริมทัพช้างศึก แม้ไม่การันตีตัวจริง

กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ยอมรับว่าเขาต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยทีมชาติไทย คว้าแชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 ให้ได้ เพื่อเป็นกำลังใจให้คุณพ่อของเขาต่อสู้กับโรคร้าย

กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ นายทวารทีมชาติไทย เปิดเผยว่าคุณพ่อป่วยเป็นโรคมะเร็ง ตั้งแต่ก่อนเจ้าตัวมีชื่อติดทีมชาติ แต่คุณแม่และพี่ชาย ตัดสินใจไม่บอกเพราะเกรงว่าจะรบกวนสมาธิของเจ้าตัวสำหรับการลงเล่นในนามทีมชาติ แต่ด้วยอาการของคุณพ่อที่หนักขึ้น คุณแม่จึงตัดสินใจบอกให้เจ้าตัวทราบ จากนั้น ”กวินทร์” จึงไปขอลาทีมงาน สตาฟฟ์โค้ช รวมถึง มาดามแป้ง เพื่อเดินทางกลับไปดูแลคุณพ่อที่ป่วยหนักด้วยโรคมะเร็ง เป็นระยะเวลา 10 วัน ซึ่งก่อนเจ้าตัวจะเดินทางกลับไปรับใช้ชาติได้ 3 วัน คุณพ่อมีอาการทรุดลง จนต้องเข้าไอซียู กวินทร์ยอมรับว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการทำใจที่ลำบากในระดับหนึ่ง คือถ้าตนไม่ได้กลับไป คงกังวลว่าคุณพ่อจะเป็นอย่างไร แต่ตนได้กลับไปเจอคุณพ่อ ไปดูแลท่าน ก็ทำให้ตนทำใจได้ในระดับหนึ่ง แล้วก็เข้าใจกับชีวิตมากขึ้น

“เมื่อสามวันที่แล้ว คุณพ่อของผมต้องเข้าห้องไอซียูอีกครั้ง สำหรับอาการค่อนข้างหนักพอสมควร แต่พ่อก็ยังสู้อยู่ บวกกับการที่มีแม่ พี่ชาย และคุณหมอที่ดูแลอย่างใกล้ชิด ทำให้ผมลดความกังวลไปได้ระดับหนึ่ง สำหรับ อาการตอนนี้ยังทรงตัวอยู่ และยังคงต้องติดตาม” กวินทร์ กล่าวเริ่ม

“การตัดสินใจที่ต้องผละจากแคมป์ทีมชาติชั่วคราวเป็นการตัดสินใจที่ยากมาก เพราะตอนแรกผมไม่รู้ข่าวมาก่อน ที่บ้านก็ไม่ทราบสาเหตุ แค่ทราบว่าผอมลง และมีอาการอ่อนเพลีย มันเกิดขึ้นก่อนผมมาทีมชาติไม่นาน พอทราบอาการ ทางบ้านไม่ได้แจ้งอะไรกับตัวผม เพราะต้องการให้ตัวผมอยู่ทำหน้าที่ และมีสมาธิกับการมาเล่นทีมชาติ พอเวลาผ่านไป พอผลตรวจออกมา ตอนนั้นผมอยู่ทีมชาติมา 2-3 วัน และอาการคุณพ่อไม่ค่อยดี ทำให้พี่ชายตัดสินใจบอกผมว่าพ่อมีอาการหนักมาก และทรุดลง พี่ชายกับแม่ให้ผมตัดสินใจ ซึ่งไม่มีทางไหนผิด ทางไหนถูก เพราะเขาอยากให้ทำผมทำหน้าที่ของตัวเอง ส่วนจะกลับไปดูพ่อหรือไม่ เขาให้ผมตัดสินใจ แต่ในช่วงเวลานั้น ผมทราบว่าพ่ออาการหนัก และเราคาดเดาอนาคตไม่ได้ ทำให้ผมปรึกษากับสตาฟฟ์โค้ช และ ผู้จัดการทีม เพื่อขอกลับไปดูแลคุณพ่อ ทุกคนก็อนุญาตให้ผมได้กลับไป ช่วงแรกที่ผมกลับไป เรายังเยี่ยมได้ ประมาณ 10 วัน จนถึง 2-3 วันก่อน ต้องเข้าไอซียู ด้วยความตั้งใจของพ่อและแม่ เขาอยากให้เราทำหน้าที่ของเรา เขาคิดว่าผมได้ดูแลพ่ออย่างเต็มที่แล้ว ทำให้เราเบาใจไปได้ส่วนหนึ่ง”

“อยากขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งให้ผม และครอบครัว รวมถึงพ่อของผม มันเป็นเรื่องที่ลำบากใจ ผมคิดว่าถ้าผมเลือกไม่กลับไป ผมคงกังวลว่าพ่อเป็นอย่างไร พอได้กลับไปและดูแล และเข้าใจอะไรมากขึ้น ผมทำใจไว้ระดับหนึ่ง และเข้าใจชีวิตมากขึ้น การกลับมาทีมชาติอีกครั้ง ผมกลับมาด้วยความกระหาย มันคือหน้าที่ของเรา และความภาคภูมิใจ ในการรับใช้ชาติ ผมอยากอยู่ในจุดนี้ ขอบคุณทุกกำลังใจที่มีให้ผมและครอบครัว ผมหวังว่า ผมจะได้แชมป์ซูซูกิ คัพ ครั้งนี้ให้กับพ่อ เพื่อให้พ่อมีกำลังใจมากขึ้น”

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ