ฟังความอีกด้าน เจ้าบ่าวเทงานแต่ง สาวโพสต์สุดช้ำ จริงๆแล้วมีอะไรมากกว่าที่คนนอกคิด
จากกรณีที่โซเชี่ยลแห่วิพากย์วิจารณ์เรื่องราวของเจ้าสาวสุกช้ำ ถูกญาติฝ่าชายยกเลิกงานแต่ง สั่งให้เลิกติดต่อกันตัดขาดความสัมพันธ์ทุกอย่างจากฝ่ายเจ้าบ่าว ที่คบหาดูใจกันมานานกว่า 9 ปี โดยอ้างว่า “ไม่มีเงินสินสอด” โดยฝ่ายหญิงก็ได้โพสต์ข้อความระบายเรื่องราวต่างๆทำให้สังคมรุมจวกฝ่ายชายกันยกใหญ่ แต่เหรียญย่อมมีสองด้านเสมอ เรื่องราวอีกด้านหนึ่งสาเหตุที่ญาติฝ่ายชายต้องทำแบบนี้คืออะไรนั้น ซึ่ง ข่าวช่อง 3 รายงานว่า
นายกฤษฎา หรือเกมส์ อายุ 27 ปี และครอบครัว เปิดใจถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า ตนเองกับฝ่ายหญิงคบหากันมา 9 ปี ตลอดเวลาที่คบกัน ตนเองได้ช่วยเหลือดูแลฝ่ายหญิงมาโดยตลอด ไม่ว่าจะซักผ้า ล้างจาน ซื้อกับข้าว ทั้งๆ ที่ที่บ้านตนเองไม่เคยทำ ตามใจทุกอย่าง เพื่อไม่ให้มีปัญหา ปรับเปลี่ยนตัวเองจน จนในบางครั้งตนเองรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง เวลาไม่ได้อยู่ด้วยกันก็ต้องคุยโทรศัพท์ด้วยตลอดเวลา ต้องตัวติดกันตลอดจนไม่ได้เจอครอบครัว
โดยนายกฤษฎา ยืนยันว่าไม่มีเรื่องนอกใจ แต่ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมานั้น ฝ่ายหญิงพูดเรื่องที่จะแต่งงานมาโดยตลอด เพราะกลัวอาถรรพ์เลข 7 ขอให้ตนนำพ่อแม่มาสู่ขอ แต่ตนรู้ว่าที่บ้านยังไม่พร้อม ด้วยเศรษฐกิจปัจจุบันและโควิด จึงไม่ได้นำเรื่องที่ฝ่ายหญิงเร่งรัดมาคุยกับพ่อแม่ เพราะไม่อยากให้ไม่สบายใจ เก็บเรื่องทั้งหมดไว้คนเดียว และตอบกลับฝ่ายหญิงว่าพ่อแม่ยังไม่ว่าง หาเหตุผลเพื่อเลื่อนการสู่ขอออกไป ซึ่งตนเองก็ไม่ได้มีงานประจำ ทำงานที่ร้านกับพ่อ ที่ร้านซ่อมรถยนต์ เงินที่ใช้จ่ายก็ยังเป็นเงินกงสี ไม่ได้มีเงินเดือน
จนกระทั่งล่าสุดคือฝ่ายหญิงบอกว่าถ้ายังไม่มาสู่ขอ ก็จะเลิก และมีการทะเลาะกันแต่ไม่รุนแรง และสุดท้ายตนก็ยอมมาคุยกับพ่อแม่ และได้มีการตกลงเรื่องสินสอดกัน หลังจากนั้น ฝ่ายหญิงได้ก็ได้จัดการในเรื่องการถ่ายพรีเวดดิ้ง การหาฤกษ์แต่งงาน และจองจัดเตรียมงานทุกอย่าง แต่ทางพ่อแม่ก็ได้ขอเลื่องานงานแต่งไปจนกว่าจะมีเงินสินสอด
แต่ทางฝ่ายหญิงได้มาปรึกษาขอให้จดทะเบียนสมรสกันในวันที่ 14 พฤศจิกายน และเอาสินสอดมามอบให้ตนเองถ่ายรูปเก็บไว้ โดยจะไปถ่ายภาพกันที่สตูดิโอแห่งหนึ่ง และจะเอาเงินสินสอดมาวาง พร้อมกับเอาทะเบียนสมรสมาถ่ายภาพที่สตูดิโอ โดยที่ฝ่ายหญิงเป็นคนเตรียมการทั้งหมด ซึ่งตอนนั้นตนรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสินสอดที่จะเอาไปให้ฝ่ายหญิง
และคิดไว้แล้วว่าจะไม่มีการจดทะเบียนสมรส หรืองานแต่งงานใดๆ ทั้งสิ้น โดยตนเองคิดว่าจะจบปัญหาทั้งหมดโดยการจบชีวิตตัวเอง แต่เมื่อฝ่ายหญิงรู้ว่าทางตนจะไม่มาจดทะเบียนสมรส จึงได้กินยาฆ่าตัวตาย แม่ของฝ่ายหญิงจึงบอกกับตนเองว่า ถ้าไม่มีสินสอดมาก็ขอจบกันเพียงเท่านี้เพราะไม่สามารถเลี้ยงดูลูกของตนเองได้
หลังจากนั้นในวันที่ 12 พฤศจิกายนตนเองก็ได้คิดจะจบชีวิตตัวเองเพื่อจบปัญหาต่างๆ และไม่อยากรับรู้เรื่องทั้งหมด โดยการขับรถออกจากบ้านไปนอนที่ชายทะเล เพื่อให้คลื่นซัดและจมน้ำ และสุดท้ายคลื่นก็ซัดไปอยู่บริเวณหน้าวัดแห่งหนึ่งจนได้ไปอาศัยอยู่ที่วัดจนถึงวันที่ 15 พฤศจิกายน จนพี่สาวตนเองไปตามหาจนเจอ เพราะตนเองได้เอารถไปจอดไว้บริเวณชายทะเล
ซึ่งในระหว่างนั้น ตนเองไม่เคยได้จับมือถือเลย ฝ่ายผู้หญิง เป็นคนใช้มือถทอของตนเอาไปโพสต์และคอยด่าญาติๆที่เข้ามาคอมเม้นท์ ทำให้หลายคนแปลกใจเพราะนิสัยตนไม่ได้เป็นคนก้าวร้าว และมารู้ความจริงภายหลัง ซึ่งทุกคนก็ดีใจที่ตนเองได้เป็นอิสระ ด้านแม่ของ นายกฤษฎา เล่าว่า ไม่เคยห้ามทั้งคู่คบกัน เพียงแต่เรื่องงานแต่งครอบครัวยังไม่พร้อม
โดยฝ่ายหญิงเรียกสินสอด 1 ล้าน จึงได้ต่อลองขอลด และขอเลื่อนงานแต่ง แต่แม่ฝ่ายหญิงโทรมาต่อว่าตนเรื่องขอเลื่อนงานแต่ง หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ตนเองได้คุยกับลูกว่าจะเอายังไงต่อ ลูกชายได้บอกว่าขอจบทุกอย่าง ไม่ไปต่อ เท่าที่สังเกตลูกไม่ยิ้มแย้ม ไม่พูดคุย รู้ว่าลูกคงทุกข์มากแต่ไม่ยอมเล่าให้ฟัง จนเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ลูกหายไปมารู้ภายหลังว่าคิดสั้นฆ่าตัวตาย
ส่วนพี่สาวนายเกมส์ เล่าว่า ก่อนหน้านี้น้องชายได้พูดเป็นลางกับแม่ตลอดว่า ไม่รู้จะอยู่ถึงวันแต่งงานหรือเปล่า จนวันที่ 12 พฤศจิกายน แม่โทรมาบอกว่าน้องชายหายไป กลัวน้องจะคิดสั้น จึงได้ประกาศตามหาทางเฟซบุ๊ก ในวันนั้นฝ่ายหญิงได้โทรหาตน ถามว่าจะเอายังไงเจอเกมส์หรือยัง ซึ่งตนได้บอกว่าขอคุยกับน้องก่อน ระหว่างนั้น ฝ่ายหญิงเสนอว่าถ้าทางเราจบ เขาก็จะจบ สุดท้ายคุยกับน้อง น้องบอกว่าจบ ทางฝ่ายหญิงจึงไปแจ้งความ
ขอยคุณข้อมูล อีซ้อขยี้ข่าว / ข่าวช่อง 3