กริ๊งเดียวไม่จบเป็นศึกใหญ่ เมียตำรวจบุกตบกัปตันสาวร้านอาหาร ทึกทักว่าเป็นชู้ผัว ล่าสุดหน้าบึ้งยอมไหว้ขอโทษ จ่ายทำขวัญ 1 หมื่น จบซีรี่ส์ “ตบผิดชีวิตเปลี่ยน”
วันที่ 16 ตุลาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีเมียตำรวจ บุกจัดหนักจัดเต็มกัปตันสาวร้านอาหารในพื้นที่ อ.เมืองนครสวรรค์ จนได้รับบาดเจ็บ และอับอายขายหน้าคนทั้งร้าน โดยมีสาเหตุมาจากเมียของฝ่ายตำรวจเข้าใจผิด ทึกทักเข้าใจไปเองว่ากัปตันสาวร้านอาหารแอบคบชู้กับสามีของตนเอง จนกลายเป็นซีรี่ย์ “ตบผิดชีวิตเปลี่ยน” ทำให้เรื่องราวบานปลายเลยเถิด จนถึงขนาดตำรวจที่เป็นสามีของมือตบ จะไปเอาเรื่องกับเจ้าของร้านอาหาร ที่บังอาจปล่อยคลิปมาให้กับกัปตันสาว เพื่อเป็นหลักฐานในการเอาผิด และร้องเรียนกับสื่อมวลชน ซึ่งเรื่องนี้ ล่าสุด เมื่อเวลา 12.00 น. น.ส.ฟิม วัย 21 ปี กัปตันสาวร้านอาหารที่โดนเมียตำรวจจิบตบ ได้เดินทางมาที่ สภ.หนองปลิง ตามที่ทางผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ ได้มีการนัดหมายไว้ ว่าให้คู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย เดินทางมาพูดคุยไกล่เกลี่ยเจรจาปรับความเข้าใจ ต่อหน้าพนักงานสอบสวน ซึ่งวันนี้ ได้มีบุคคลต้นเรื่องของมหากาพย์ทั้งหมด เดินทางมาที่โรงพักด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้ที่เป็นต้นเรื่อง “กริ๊งเดียวไม่จบเป็นศึกใหญ่” คือ นายปืน (นามสมมุติ) เป็นนายตำรวจอยู่ในพื้นที่เมืองนครสวรรค์ ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันเป็นความผิดของตนคนเดียว และยอมรับผิดโดยไม่มีข้อแม้ ที่ทำให้เพื่อนตำรวจรุ่นพี่ ต้องเกิดเรื่องทะเลาะกับภรรยา แล้วลุกลามบานไปกันใหญ่ แต่ตนยืนยันว่า ตนไม่ได้มีเจตนาทำให้ครอบครัวเขาต้องไปมีเรื่องทะเลาะอะไรกับใคร ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ไม่คาดคิด เนื่องจากวันที่ไปนั่งร้านอาหารวันนั้น ตนอยากจะชวนให้รุ่นพี่ตำรวจคนนี้ ออกมาร่วมวงสังสรรค์ก็แค่นั้นเอง จึงได้สร้างสีสันให้ น.ส.ฟิม มายกมือไหว้เชิญชวนที่หน้ากล้อง ในขณะที่ตนวิดีโอคอลไปหารุ่นพี่ตำรวจ ซึ่งก็ไม่คาดคิดอีกแหละ ว่าภรรยาของพี่เขาจะเป็นคนรับสาย แล้วทำให้เขาเข้าใจผิดไปกันใหญ่ ตนยืนยันเลยว่า ตนมีเจตนาแค่นี้จริงๆ และตนก็เป็นคนเรียก น.ส.ฟิม ให้มาหาและมายกมือไหว้เชิญชวนพี่ตำรวจให้ออกมาร่วมวงสังสรรค์ด้วยกันจริง และยืนยันว่า รุ่นพี่ตำรวจคนนี้ ไม่ได้ไปแอบคบชู้ หรือไปติดต่อคบหาอะไรกับ น.ส.ฟิมอย่างแน่นอน
เมื่อถามว่าได้พูดคุยปรับความเข้าใจกับรุ่นพี่ตำรวจคนนี้หรือยัง นายปืน ระบุว่า “รุ่นพี่ตำรวจรู้สึกโกรธมาก ต่อว่าผมฉาดใหญ่ แบบจะไม่ให้อภัยผมเลย ซึ่งผมก็ได้มีการพูดคุยกับเขาผ่านการส่งขอความทางไลน์แค่นั้น เนื่องจากผมพยายามโทรหาจะพูดคุยด้วยเสียงกับเขาแล้ว แต่เขาไม่ยอมรับสายเลย ส่วนการที่ผมมาวันนี้ ผมเดินทางมายอมรับผิด พร้อมกับจะมาพูดคุยเจรจาให้จบศึกมหากาพย์นี้โดยเร็ว และต่อไป ผมจะไม่วิดีโอคอลโทรไปหาใครในลักษณะแบบนี้อีกแล้ว เพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง มันสามารถเกิดขึ้นอยู่เหนือการคาดเดาของเราได้เสมอ”
เวลาต่อมา ทั้ง น.ส.ฟิม ผู้เสียหาย และ น.ส.จิก (นามสมมุติ) มือตบ ที่เดินทางมาพร้อมกับสามีตำรวจ ได้เดินเท้าเข้าไปยังห้องพนักงานสอบสวน สภ.หนองปลิง เพื่อพูดคุยเจรจาไกล่เกลี่ยกันเพียง 2 คนเท่านั้น ซึ่งก็ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ทั้งคู่ก็เดินออกมาด้วยที่สีหน้าบึ้งตึง แต่ผลสรุปสุดท้าย เรื่องราวจึงจบลงด้วยดี โดยทางฝ่ายภรรยาตำรวจ ยอมยกมือไหว้ขอโทษ พร้อมกับจ่ายค่าทำขวัญให้กับ น.ส.ฟิม เป็นจำนวนเงิน 1 หมื่นบาท พร้อมกับรับปากว่า เรื่องนี้ จบลงด้วยดี และเลิกแล้วต่อกัน จะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมาอีก จากนั้น ทางฝ่ายของสาวมือตบ ก็ยกมือไหว้ น.ส.ฟิม ต่อหน้าสื่ออีกครั้ง ก่อนจะจับมือกับ น.ส.ฟิม ด้วยสีหน้าที่ยังบึ้งตึง แล้วจึงสะบัดหันหลังไปอีกห้องหนึ่ง โดยไม่ยอมให้สัมภาษณ์ใดๆ แก่สื่อมวลชน ส่วนฝ่ายสามีที่เป็นตำรวจ ยืนยันว่า ไม่ได้ไปรู้จักคบชู้อะไรกับ น.ส.ฟิม เลยสักนิด พร้อมยืนยันกรณีจะไปเอาเรื่องกับเจ้าของร้านอาหารว่า จบ และได้ขอโทษ พร้อมปรับความเข้าใจกันด้วยดี เลิกแล้วต่อกัน
ขณะที่ น.ส.ฟิม เปิดเผยกับนักข่าวว่า เรื่องนี้จบลงแล้ว ก็ไม่ต่อความยาวสาวความยืดอะไรอีก ตนได้รับการขอโทษจากฝ่ายคู่กรณี พร้อมกับเงินค่าทำขวัญ 1 หมื่นบาท ก็รู้สึกพอใจมาก ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมตำรวจที่นี่ จึงปรับเงินคู่กรณีเพียงแค่ 500 บาทนั้น เป็นเรื่องที่ตนเข้าใจผิด ซึ่งก็เพิ่งมารู้จากปากตำรวจเหมือนกันว่า คดีนี้มันเป็นคดีอาญา ที่สามารถฟ้องแพ่ง เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายได้อีก ตนก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก เพราะก่อนหน้านี้รู้สึกเครียด ซึ่งหลังจากนี้ จะได้กลับไปทำงานทำการตามปกติแบบไม่ต้องเครียดเสียที