ก้าวไกล มาแรง! ความนิยมพุ่งแซง เพื่อไทย โพลชี้ ‘ภท.-ปชป.’ แกนนำตั้งรัฐบาล

Home » ก้าวไกล มาแรง! ความนิยมพุ่งแซง เพื่อไทย โพลชี้ ‘ภท.-ปชป.’ แกนนำตั้งรัฐบาล


ก้าวไกล มาแรง! ความนิยมพุ่งแซง เพื่อไทย โพลชี้ ‘ภท.-ปชป.’ แกนนำตั้งรัฐบาล

ก้าวไกล มาแรง! ความนิยมพุ่งแซง เพื่อไทย ซูเปอร์โพล คาดประชาชนออกมาเลือกตั้ง 70 เปอร์เซ็นต์ ชี้ ภูมิใจไทย-ประชาธิปัตย์ คว้าพุงปลาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

เมื่อวันที่ 23 เม.ย. 2566 สำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลการศึกษาต่อเนื่อง เรื่อง โพลเลือกตั้ง ส.ส. ครั้งที่ 5 : ข้อมูลพื้นฐานการปกครองท้องที่ (ภูมิภาค) กรณีศึกษาประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศอายุ 18 ปีขึ้นไปใน จากผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 53,094,778 คนทั่วประเทศ จำนวน 8,065 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 19-22 เม.ย.

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาความตั้งใจจะไปเลือกตั้งของประชาชน เปรียบเทียบผลการศึกษาในช่วงสัปดาห์ที่แล้วกับผลการศึกษาครั้งล่าสุด พบว่า ผลการศึกษาสัปดาห์นี้ไม่พบความแตกต่างไปจากผลการศึกษาครั้งก่อน ในเรื่องความตั้งใจจะไปเลือกตั้ง คือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 70.5 ที่พบในผลการศึกษาครั้งก่อนจะไปเลือกตั้ง และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 70.8 ในผลการศึกษาครั้งนี้จะไปเลือกตั้งเช่นกัน

รายงานของซูเปอร์โพล เคยระบุเชิงเปรียบเทียบว่า กลุ่มผู้สนับสนุนพรรคการเมืองต่างๆ เสมือนปลาในบ่อเลี้ยงสามบ่อ บ่อแรก คือ บ่อของฝูงปลานิยม พรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล บ่อที่สอง คือ บ่อของปลานิยม พรรคภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ และรวมไทยสร้างชาติ และบ่อที่สาม คือ บ่ออื่นๆ รวมถึงพลังเงียบ

ผลการศึกษาครั้งนี้ พบประเด็นที่น่าสนใจ คือ พรรคก้าวไกล ได้รับความนิยมพุ่งขึ้นอันดับหนึ่ง จากร้อยละ 6.7 ในการศึกษาปลายเดือนมี.ค. ขึ้นมาเป็นร้อยละ 24.4 ในการศึกษาล่าสุดเดือนเม.ย. แต่พรรคเพื่อไทย ลดลงจากร้อยละ 29.1 ในช่วงปลายเดือนมี.ค. ตกมาอยู่ที่ร้อยละ 11.2 ในการศึกษาล่าสุดเดือนเม.ย. น่าจะชี้ให้เห็นได้ในมุมหนึ่งว่า ปลาไม่กระโดดข้ามบ่อ สิ่งที่พบ คือ ความนิยมเพิ่มที่พรรคก้าวไกล ความนิยมลดลงจากพรรคเพื่อไทย

พรรคภูมิใจไทย ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 20.5 ในการศึกษาปลายเดือนมี.ค. ขึ้นมาเป็นร้อยละ 23.9 ในการศึกษาล่าสุด ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ พุ่งขึ้นมาจ่อความนิยมของประชาชนต่อพรรคภูมิใจไทย ในการศึกษาครั้งนี้จากร้อยละ 14.2 ในการศึกษาปลายเดือนมี.ค. ขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 23.6 ในการศึกษาล่าสุด

แต่ที่น่าพิจารณา คือ ความนิยมของประชาชนต่อ พรรคพลังประชารัฐ ลดลงจากร้อยละ 10.9 ลงมาอยู่ที่ร้อยละ 4.1 และพรรครวมไทยสร้างชาติ ลดลงเช่นกัน จากร้อยละ 9.3 มาอยู่ที่ ร้อยละ 3.7 แสดงให้เห็นว่า ปลาไม่กระโดดข้ามบ่อเช่นกัน อย่างไรก็ตาม สัดส่วนของ ผู้นิยมพรรคร่วมรัฐบาลยังสูงกว่า สัดส่วนของผู้นิยมพรรคร่วมฝ่ายค้าน และอื่นๆ คือ ร้อยละ 59.8 ต่อร้อยละ 40.2

เมื่อสอบถามถึงพรรคการเมืองที่ต้องการเห็นร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล หลังการเลือกตั้ง พบว่า ร้อยละ 34.0 ระบุ ภูมิใจไทย กับ ประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ และอื่นๆ รองลงมาคือ ร้อยละ 29.4 ระบุ พรรคก้าวไกล กับ เพื่อไทย และอื่นๆ ร้อยละ 13.4 ระบุ ภูมิใจไทย กับ เพื่อไทย และอื่นๆ และร้อยละ 5.6 ระบุ พรรคเพื่อไทย กับ พลังประชารัฐ และอื่นๆ ตามลำดับ

รายงานของซูเปอร์โพล ระบุด้วยว่า เมื่อปลาไม่โดดข้ามบ่อ พรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลบางพรรคอาจใช้เครือข่ายอำนาจในมือเปลี่ยนเกม โดยมุ่งโจมตียุบพรรคในบ่อปลาเดียวกัน เพื่อให้ฝูงปลาที่ไม่โดดข้ามบ่อมาเลือกพรรคที่เหลืออยู่ มุ่งเป็นรัฐบาลและได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่ตั้งไว้ ถ้าทำลายกันเองในพรรคร่วมรัฐบาลเกิดขึ้นจริง ผลที่อาจเกิดขึ้นได้ตามมา คือ ฝูงปลาอาจถูกบังคับให้กระโดดข้ามบ่อไปสู่แลนด์สไลด์ โดยพรรคก้าวไกล ถึงขั้นปิดสวิตช์ ส.ว. เพราะพรรคก้าวไกลกำลังทำอะไรที่โดนใจและสะใจ ก็เป็นไปได้ในทางสถิติ และอะไรจะเกิดขึ้นตามมาหลังจากการเปลี่ยนประเทศไทย ค่อยว่ากัน

รายงานของซูเปอร์โพล ระบุต่อว่า แต่ถ้าไม่มีใครเปลี่ยนเกมและไม่เกิดการโกงการเลือกตั้ง ปล่อยให้เป็นไปตามความนิยมศรัทธาของประชาชนที่อิสระ และการรณรงค์เลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ปลอดการแทรกแซงเบี่ยงเบนเจตนารมณ์ และความต้องการของประชาชนด้วยการเปลี่ยนเกมแย่งชิงอำนาจนี้ พรรคร่วมฝ่ายรัฐบาลในเวลานี้น่าจะเห็นความโดดเด่นเปลี่ยนผ่านมาอยู่ที่ พรรคภูมิใจไทย กับ พรรคประชาธิปัตย์ เป็นแกนนำ โดยมีฐานสนับสนุนจากพรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคพลังประชารัฐ เป็นกำลังสำคัญให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อได้

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ