จากกรณี เมื่อวันที่ (22 มี.ค. 66) มีประเด็นร้อนโซเชียล เมื่อ ทนายตั้ม หรือ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด โพสต์ข้อความ แฉบุคคลมีชื่อเสียงรายหนึ่ง โดยมีการระบุข้อความว่า “แฉไป ไถไป” คนที่คุณเห็นอาจจะไม่เป็นอย่างที่คิด หมดศรัทธา ไถสีเทามา 50 ล้าน บริจาคเอาหน้าทีละ 3 ล้าน สร้างภาพกลับตัวกลับใจ ผมไม่อยากสวนกระแสนะครับ ผมก็เป็นคนนึงที่ชื่นชมมาตลอด แต่พอรู้ความจริงแล้ว มันหมดรักเลยจริงๆ ผมไม่อยากให้มีอาชีพแบบนี้ สร้างประเด็นข่าว ตีๆ แล้วไถ ใครยอมจ่ายก็ไม่พูดถึง เราจะยกย่องคนแบบนี้เป็นฮีโร่จริงหรือครับ
งานนี้ทำเอา มีผู้คนจำนวนมากต่างให้ความสนใจเป็นพิเศษพร้อมกับสงสัยว่า บุคคลดังกล่าวนั้นเป็นใครกันแน่ แล้วจ่ายเพื่ออะไร ซึ่งทางด้านทนายตั้ม ก็ไม่ได้มีการเปิดเผยชื่อแต่อย่างได้ตอบกลับเพียงแค่ว่า “จ่ายเพื่อให้หุบปาก” “ก่อน 10 โมงพรุ่งนี้ จะส่งคำถามถึงคุณชูวิทย์แบบไม่กั๊ก” จากประโยคนี้ทำให้หลายคนมุ่งเป้าไปหา นายชูวิทย์ ยอดนักแฉธุรกิจสีเทา ที่กำลังมีบทบาทในโลกโซเชียล ซึ่งทนายตั้มก็ได้ตอบกลับเพียงแค่ว่า “ยังไม่ตอบ แต่ไม่ปฏิเสธแบบนี้ดีกว่า”
- งานนี้เดือด ทนายตั้ม แฉ ชูวิทย์ ลั่น แฉไปไถไป ปมเงินสดไปปึกในถุกกระดาษ
- ทนายตั้ม ตั้งโต๊แถลงประเด็น เงินสดในถุงกระดาษ โยงถึง ชูวิทย์ แบบนี้
- อุทาหรณ์! แม่ร่ำไห้ขาดใจ ลืมลูกน้อยวัย 3 ขวบไว้ในรถ สุดท้ายช่วยไม่ทัน
ซึ่ง ทางด้าน ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ก็ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุข้อความว่า แฉไป ไถไป? เงิน 2 ถุง ถุงละ 3 ล้าน ที่ ทนายตั้ม พูดถึง เห็นแล้วจำได้ชัดเจน เป็นเงินที่นายตำรวจผู้ใหญ่นอกราชการคนหนึ่งที่ผมรู้จักมานาน นำมาให้ที่โรงแรมของผม โดยบอกว่าเป็นเงินของ “ซัว” ให้ผมช่วยหยุดโจมตี ผมบอกไปว่า “ไม่รับเคลียร์” มันไม่สามารถช่วยอะไรได้ ผมยังต้องแฉต่อ แต่นายตำรวจท่านดังกล่าว ยืนยันยัดเยียดให้ผมรับไว้ และสิ่งที่ง่ายที่สุด คือ ผมเก็บเงินไปใช้ส่วนตัว เพราะไม่มีใครทราบ แต่ผมเลือกที่จะนำเงินในถุงแรกจำนวน 3 ล้าน ไปบริจาคให้โรงพยาลธรรมศาสตร์ ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ วาเลนไทน์เดือนที่แล้ว และอีกถุงจำนวน 3 ล้านเท่ากัน ไปบริจาคให้โรงพยาบาลศิริราช ในวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา
งานนี้ เงินจำนวนดังกล่าว ชูวิทย์ เคยได้ให้ข้อมูลกับนักข่าวว่าเป้นเงินที่มาจากเพื่อนที่ทำธุรกิจสุจริต แต่มาวันนี้กลับบอกว่าเป้นเงินจาก สารวัตรซัว ซึ่งเป็นเงินจากธุรกิจสีเทา ซึ่งตาม พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 5 ระบุว่าผู้ใด
(1) โอน รับโอน หรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดเพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินนั้น หรือเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นไม่ว่าก่อน ขณะหรือหลังการกระทำความผิด มิให้ต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลงในความผิดมูลฐาน หรือ
(2) กระทำด้วยประการใด ๆ เพื่อปกปิดหรืออำพรางลักษณะที่แท้จริงการได้มาแหล่งที่ตั้ง การจำหน่าย การโอน การได้สิทธิใด ๆ ซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด
(3) ได้มา ครอบครอง หรือใช้ทรัพย์สิน โดยรู้ในขณะที่ได้มา ครอบครอง หรือใช้ทรัพย์สินนั้นว่าเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด
ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฟอกเงิน
ติดตามข่าวสาร Bright Today ช่องทางอื่น ๆ
Website : BRIGHT TODAY
Facebook : BRIGHT TV
Line Today : BRIGHT TODAY