กกต.คลอดหลักเกณฑ์ ประชาชนเข้าชื่อเสนอ ครม.ทำประชามติ ต้องไม่น้อยกว่า 5 หมื่นชื่อ ระบุเนื้อหาให้ชัด-ไม่ใช่เรื่องต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ
เมื่อวันที่ 16 พ.ย.2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่ประกาศ กกต. เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการกรณีประชาชนเข้าชื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อให้ความเห็นชอบในการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2565 โดยนายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกกต. ลงนามเมื่อวันที่ 10 พ.ย.ที่ผ่านมา
มีรายละเอียดที่น่าสนใจ อาทิ กำหนดให้การเข้าชื่อเสนอต่อครม. เพื่อให้ความเห็นชอบในการออกเสียงประชามติ ต้องมีจำนวนผู้มีสิทธิเข้าชื่อไม่น้อยกว่า 50,000 คน ซึ่งเป็นผู้มีคุณสมบัติ ไม่มีลักษณะต้องห้าม และไม่ถูกจำกัดสิทธิตามมาตรา 20 มาตรา 21 และมาตรา 24 แห่งพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2564
โดยการเสนอเรื่องการเข้าชื่อ ให้จัดทำเป็นเอกสารและข้อมูล และหนังสือกรณีประชาชนเข้าชื่อเสนอ ต้องมีเนื้อหาที่ชัดเจนเพียงพอที่จะเข้าใจได้ว่า ประสงค์จะออกเสียงในเรื่องใดและ เรื่องนั้นมิใช่เรื่องที่ต้องห้ามมิให้ออกเสียงตามบหบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
นอกจากนั้นในส่วนของรายชื่อผู้มีสิทธิเข้าชื่อต้องมีรายละเอียดเกี่ยวกับเลขประจำตัวประชาชน ชื่อ ชื่อสกุล และลายมือชื่อของผู้มีสิทธิเข้าชื่อทุกคน โดยให้จัดทำในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ใส่แผ่นบันทึกข้อมูล หรืออุปกรณ์บันทึกข้อมูลแบบพกพา ทั้งนี้ ในการดำเนินการให้ผู้แทนของผู้มีสิทธิเข้าชื่อยื่นเอกสารและข้อมูลด้วยตนเอง ต่อสำนักงาน กกต. หรือสำนักงานกกต.ประจำจังหวัด หรือทางไปรษณีย์ลงทะเบียน หรือทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (Email : [email protected])
เมื่อสำนักงาน กกต. ได้รับเอกสารและข้อมูล ให้ตรวจสอบรายละเอียดในหนังสือการเข้าชื่อ ให้เสร็จภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับเอกสาร ซึ่งในกรณีตรวจสอบเบื้องต้นแล้วเห็นว่า ไม่ถูกต้องครบถ้วน ให้แจ้งผู้แทนของผู้มีสิทธิเข้าชื่อ พร้อมทั้งส่งเรื่องคืน เพื่อแก้ไขให้ถูกต้องครบถ้วน และยื่นต่อสำนักงาน กกต. ตามวิธีการที่กำหนดภายใน 60 วัน แต่หากผู้แทนของผู้มีสิทธิเข้าชื่อดำเนินการไม่เสร็จภายในเวลาดังกล่าว ให้การเสนอเรื่องการเข้าชื่อเสนอต่อครม. เพื่อให้ความเห็นชอบในการออกเสียงเป็นอันยุติในคราวนั้น
ทั้งนี้ ผู้มีสิทธิเข้าชื่อมีสิทธิถอนการร่วมเข้าชื่อได้ภายใน 10 วันนับแต่วันที่สำนักงาน กกต.ได้รับเอกสาร โดยให้ทำเป็นหนังสือซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับเลขประจำตัวประชาชน ชื่อ ชื่อสกุล และข้อความที่แสดงให้เห็นว่า ประสงค์จะถอนการร่วมเข้าชื่อเสนอต่อครม. พร้อมลงลายมือชื่อโดยให้ยื่นเอกสารด้วยตนเองต่อสำนักงาน กกต. หรือสำนักงานกกต.ประจำจังหวัด หรือทางไปรษณีย์ลงทะเบียน หรือทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์
เมื่อตรวจสอบรายละเอียดในหนังสือการเข้าชื่อเสร็จ ให้สำนักงาน กกต. ส่งเอกสารให้สำนักเลขาธิการครม. (สลค.) เพื่อพิจารณามอบหมายหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่จะเสนอต่อครม. เพื่อให้ความเห็นชอบในการออกเสียง ดำเนินการตรวจสอบการเข้าชื่อของผู้มีสิทธิเข้าชื่อว่ามีความถูกต้องครบถ้วนหรือไม่
หากตรวจสอบแล้วพบว่าเลขประจำตัวประชาชน ของผู้มีสิทธิเข้าชื่อผู้ใดไม่ถูกต้อง ให้หักออก หากยังมีผู้มีสิทธิเข้าชื่อครบ 50,000 คน ให้ดำเนินการต่อไป แต่หากผู้มีสิทธิเข้าชื่อไม่ครบจำนวน ให้รายงาน สลค. เพื่อยุติการเสนอเรื่อง และให้แจ้งผู้แทนของผู้มีสิทธิเข้าชื่อ พร้อมทั้งส่งเรื่องคืนให้ผู้แทนของผู้มีสิทธิเข้าชื่อและแจ้งสำนักงาน กกต. ทราบ
กรณีที่ผู้มีสิทธิเข้าชื่อถอนการร่วมเข้าชื่อเมื่อพ้นระยะเวลาที่กำหนด หรือตรวจพบว่าผู้มีสิทธิเข้าชื่อตาย หลังจากที่เข้าชื่อแล้ว ให้ถือว่าการร่วมเข้าชื่อของผู้นั้นยังคงมีผลอยู่
ส่วนการเสนอรายงานต่อครม. ให้หน่วยงานของรัฐจัดทำความเห็นและวิเคราะห์ ผลกระทบในเรื่องที่จะเสนอต่อครม. เพื่อให้ความเห็นชอบในการออกเสียง โดยมีระยะเวลาตรวจสอบการเข้าชื่อ รูปแบบรายงานความเห็นและการวิเคราะห์ ผลกระทบฯ ให้เป็นไปตามที่ สลค.กำหนด อย่างไรก็ตาม กรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามประกาศนี้ ให้ กกต. เป็นผู้มีอำนาจวินิจฉัยและคำวินิจฉัยของ กกต.ให้ถือเป็นที่สุด