FootNote:เสียงกว่า 1.3 ล้าน “ชัชชาติ” กดดัน ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เมื่อประสบเข้ากับ “ลูกเล่น” อันสะท้อนอำนาจแฝงในทางการเมือง ผ่านกระบวนการการพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง
พลันที่รับทราบความไม่พอใจของแฟนานุแฟน ที่สำแดงผ่านการต่อสายโทรศัพท์ถึงกกต.จนเรียกได้ว่า “สายไหม้”
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ออกมาปรามและขอร้องให้ให้เวลากกต. เพราะทุกอย่างยังอยู่ภายใต้กระบวนการ และยืนยันว่าการกดดันเป็นของกกต.มากกว่าจะเป็นของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์
เนื่องจากการพิจารณาของกกต.มิได้ขึ้นอยู่กับคำร้องเรียนอัน ปรากฏขึ้นอย่างต้องการจับผิดอย่างจงใจด้านเดียว หากภายในการร้องเรียนลักษณะนั้นก็เสียดทานไปกับ 1.3 ล้านกว่าเสียง
พลานุภาพอย่างแท้จริงที่อยู่เบื้องหลัง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ คือกว่า 1.3 ล้านคะแนนเสียง อันสะท้อนผ่านการตัดสินใจเมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม
เรียกตามสำนวนในแบบ “สัญญาประชาคม” ของฌอง ฌากส์ รุสโซ ทั้งหมดนี้คือ “เจตจำนงร่วม” อันกลายเป็น “อาณัติ” และแปรเป็น “คำสั่ง” อันทรงพลานุภาพยิ่งในทางการเมือง
คะแนนกว่า 1.3 ล้านเสียงต่างหากคือ แส้ที่กำลังโบยตีการตัดสินใจของกกต.อย่างมิอาจปัดปฏิเสธได้
หากมองจากฐานที่มาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็แทบไม่แตกต่างไปจากฐานที่มาของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ไม่แตกต่างไปจากฐานที่มาของป.ป.ช.
แม้จะผ่านการคัดสรรของคณะกรรมการ และโดยวุฒิสภาแต่คำถามก็คือกระบวนการนี้ใครเป็นคนกำหนดและจัดวาง
เมื่อคำตอบอยู่ที่ 1 คสช. เมื่อคำตอบอยู่ที่ 1 รัฐธรรมนูญ ทุกสายตาก็ย่อมจ้องมองไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ด้วยความแน่วแน่และมั่นคง
คิดหรือว่าการตัดสินใจจะเป็น “อิสระ” แม้จะเรียกว่าเป็นองค์การอิสระ คิดหรือว่าประชาชนไม่ว่าในกรุงเทพมหานครและในขอบเขตทั่วประเทศจะไม่รู้ถึงเส้นสนและกลใน
ในที่สุดก็เป็นเงาสะท้อนไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
พลันที่ชาวกรุงเทพมหานครมอบเสียงกว่า 1.3 ล้านเสียงให้กับ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ทั้งหมดนี้จึงมิได้หมายถึงการมอบตำแหน่ง ผู้ว่าฯกทม.ให้เท่านั้น
หากแต่ยังมอง “เจตจำนง” หากแต่ยังมอบ “ความไว้วางใจ”
ยืนยันถึงบทสรุปอันเบ็ดเสร็จเด็ดขาดไปยังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ไปยังบทบาทของ “คสช.” และรัฐบาลหลังการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562
ไปยังองคาพยพอันมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นตัวแทน