FootNote:อนาคตของ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในกำมือของ เสกสกล อัตถาวงศ์

เหมือนกับการมอบหมายให้ นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ไปพลิกฟื้นและจัดตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ จะเป็นหมัดเด็ดหนึ่ง ณ เบื้องหน้าสถานการณ์ร้อนแรงในทางการเมือง

ทั้งๆที่ในอีกด้านหนึ่งกลับกลายเป็นเงาสะท้อนต่อสภาวะอับจนหนทาง และเหลือทางถอยน้อยนิด ริบหรี่เป็นลำดับ

เมื่อเป็นความไว้วางใจและมอบหมายให้นักการเมืองในแบบของ นายเสกสกล อัตถาวงศ์ จึงเป็น “เดิมพัน” ทางการเมืองที่เสี่ยงอย่างยิ่ง

ไม่เพียงเพราะชื่อเสียงของ นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ดำรงอยู่อย่างชนิดที่เรียกว่า “ฉาวโฉ่” หากที่สำคัญเขายังกระทำในสถานะของกรรมการผู้ช่วยนายกรัฐมนตรี

การออกมายอมรับสถานการณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตกอยู่ในท่ามกลางการถูก “บีบ” อย่างรอบกระทั่ง “ไข่” ที่เป็นของสงวน ก็ไม่มีเว้น ก็ต้องยอมรับว่าเป็นอาการอันหนักหนาสาหัสยิ่ง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อาจไว้วางใจและให้เครดิตทางการเมือง ต่อนายเสกสกล อัตถาวงศ์ เป็นอย่างสูง เพราะทำงานรับใช้ใกล้ชิด และอุทิศตนอย่างพร้อมมูล

กระนั้น สถานะที่สังคมมองและมอบความไว้วางใจให้กับ นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ก็ล่อแหลมเป็นอย่างยิ่ง

เพียงมีใครนำเทปบันทึกเพลง “กตัญญูทักษิณ” ที่ นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ร้องด้วยตนเอง และเทียบเคียงกับบทบาทของ นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ก็แจ่มชัด

คำถามจึงเกิดขึ้นว่าลำพังตัวของ นายเสกสกล อัตถาวงศ์ จะสามารถร่ายมนต์คนอย่าง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ให้มาร่วมได้ตามคำร่ำลือได้เพียงใด

กลายเป็นว่าอนาคตในทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องฝากไว้กับนักการเมืองอย่าง นายเสกสกล อัตถาวงศ์

หากมองจาก “คำขาด” ที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล ยื่นประสานกับบทบาทของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า นี่ย่อมเป็น “หอก” อันแหลมคม

แทงเข้ามายังเสถียรภาพและความมั่นคงของรัฐบาล รุกไล่กดดันให้จำเป็นต้องเลือกหนทางใดหนทางหนึ่งเป็นทางออก

นั่นก็คือลาออก นั่นก็คือ ยุบสภา นั่นก็คือ ปรับครม.