FootNote:วิวาทะ การเมือง รัฐประหาร มือกฎหมาย เพื่อไทย ก้าวไกล
ท่าทีของ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ต่อข้อเสนอปิดสวิตช์ตัดวงจรรัฐประหารของ นายชัยเกษม นิติสิริ ได้รับความสนใจเป็นอย่างสูง ในทางการเมือง
ไม่เพียงเพราะว่าทั้ง นายชัยเกษม นิติสิริ ทั้ง นายปิยบุตร แสงกนกกุล ล้วนเป็น “นักกฎหมาย” ระดับ “เอ้”
กล่าวสำหรับ นายชัยเกษม นิติสิริ ไม่เพียงแต่ดำรงอยู่ในฐานะเป็นมือกฎหมายของพรรคเพื่อไทย หากยังเคยดำรงตำแหน่งเป็น “อัยการสูงสุด”
ได้รับความไว้วางใจจากพรรคเพื่อไทยให้ดำรงตำแหน่งเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และดำรงอยู่ในสถานะอันเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค
กล่าวสำหรับ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ไม่เพียงแต่เคยดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ หากแต่ยังเป็นแกนนำสำคัญใน “คณะนิติราษฎร์” ที่มีบทบาทหลังรัฐประหาร 2549
ความแหลมคมอันกลายเป็น “ประเด็น” มิได้อยู่ที่ว่าข้อเสนออันมาจาก นายชัยเกษม นิติสิริ ทรงความหมายและสำคัญหรือไม่ในทางการเมือง
หากแต่เป็นบทสรุปจาก นายปิยบุตร แสงกนกกุล ว่าไม่น่าเชื่อถือ เป็นความเพ้อฝัน
บทสรุปเช่นนี้ของ นายปิยบุตร แสงกนกกุล มาจากความมั่นใจที่ว่ามีแต่แนวทางในแบบ “คณะนิติราษฎร์” และในแบบของพรรคอนาคตใหม่เท่านั้นที่เน่าเชื่อถือ
ความหมายก็คือ ตัดบทบาทของ “กองทัพ” ออกไปจากการเมือง ให้กองทัพอยู่ภายใต้การควบคุมของการเมือง
ขณะเดียวกัน ก็ได้เสนอคำถามอันแหลมคมต่อพรรคเพื่อไทยว่า พรรคเพื่อไทยเคยมีโอกาสมาแล้วจากชัยชนะท่วมท้นในการ เลือกตั้งเมื่อปี 2548 และเมื่อปี 2554
แต่พรรคเพื่อไทยก็มิได้มี “เจตจำนง” อันแน่วแน่ในการตัดรัฐประหารออกไปจากวงจรอุบาทว์ ยังไม่เคยแตะเข้าไปในโครงสร้างของรัฐราชการรวมศูนย์ที่ดำรงอยู่
จึงต้องถูกรัฐประหารไม่ว่าจะปี 2549 ไม่ว่าจะปี 2557
คำสบประมาทของ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ดำเนินไปด้วยความ แหลมคมอย่างยิ่งในท่ามกลางการต่อสู้ในทางความคิด ในทางการเมืองระหว่างพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล
ท้าทายว่าพรรคใดแตะเข้าไปใน “โครงสร้าง” หรือไม่ยอมแตะ
ท่าทีในการแสดงออกอาจแลดูแข็งกร้าว แต่ก็ต้องยอมรับว่า เป็นความแข็งกร้าวภายใต้ความเอาจริงเอาจังในปัญหา เพื่อต้องการเจาะทะลวงเข้าไปยังการแก้ไขอย่างเป็นจริง
นี่จึงเป็นการต่อสู้ในทาง “ความคิด” อย่างมีนัยสำคัญยิ่ง