FootNote:ยุทธการขานรับ สู่คนรุ่นใหม่ กับโหวตเตอร์กว่า 10 ล้านคน

ปัจจัยอะไรทำให้เกิดการเคลื่อนไหวอย่างคึกคัก ในลักษณะเปิดกว้างต่อคนรุ่นใหม่ในทางการเมือง ไม่ว่าจะมาจากพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าจะมาจากพรรคประชาธิปัตย์

คำตอบหนึ่งอาจมาจากการปรับเปลี่ยนอย่างชนิด ‘ถอดรูป’ ของพรรคเพื่อไทยในยุคแห่ง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว

นั่นก็เห็นได้จากการถอยออกไปของผู้อาวุโสอย่าง นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ นายเสนาะ เทียนทอง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง และนายชัยเกษม นิติสิริ ไปอยู่คณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง

ปล่อยให้คณะกรรมการบริหารประกอบด้วยคนรุ่นใหม่อย่าง นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ อย่าง น.ส.จิราพร สินธุไพร ซึ่งกำลังแสดงบทบาทเป็นอย่างสูงในเวทีทางการเมือง

ขณะเดียวกัน คำตอบหนึ่งน่าจะมาจากความสำเร็จของพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งแม้จะกลายมาเป็นพรรคก้าวไกลอยู่ในปัจจุบัน

กระนั้น เสียงขานรับในสังคมการเมืองก็คึกคักหนักแน่น

จำนวนเงินบริจาคที่ทะยานเข้ามาอยู่อันดับ 1 ไม่ว่าตลอดปี 2563 ไม่ว่าในเดือนกันยายน 2564 ก็ตาม

หากประมวลผลการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2563 ขณะที่พรรคเพื่อไทยซึ่งได้ ส.ส.มาเป็นอันดับ 1 และกวาดคะแนนมาได้ 7.88 ล้าน ปรากฏว่าพรรคอนาคตไทยได้มา 6.33 ล้านคะแนน

คะแนนของพรรคเพื่อไทยเด่นชัดยิ่งว่ามาจากฐานเดิม ที่เคยเป็นพรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชน

ขณะที่พรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเป็นพรรคเพิ่งก่อตั้งก่อนหน้าการเลือกตั้งในเดือนมีนาคม 2562 เพียงไม่ถึง 1 ปีสามารถได้ ส.ส.มากถึง 80 คน พร้อมกับคะแนน 6.33 ล้านคะแนน นับว่าน่าทึ่ง

บางคนอาจประเมินว่า คะแนนส่วนหนึ่งอาจได้จากการที่พรรคไทยรักษาชาติถูกยุบ แต่เมื่อประเมินจากเงินบริจาค 12.6 ล้านใน ปี 2563 ก็เริ่มประจักษ์แล้วว่า ฐานของพรรคก้าวไกลอยู่ที่ไหน

เด่นชัดอย่างยิ่งว่าคะแนนของพรรคอนาคตใหม่ ที่ผ่องถ่ายมาให้กับ พรรคก้าวไกลจำนวน 6.33 ล้านนั้น เกือบทั้งหมดเป็นของคนรุ่นใหม่ อย่างชนิดเป็นก้อนเป็นกำ

หากผนวกรวมกับโหวตเตอร์ใหม่ 3.7 ล้านก็มากกว่า 10 ล้าน

คะแนนของคนรุ่นใหม่ที่ทวีจำนวนเพิ่มมากขึ้นแทบทุกปี จึงเป็นปัจจัยสำคัญชี้ขาดชัยชนะและความสำเร็จของพรรคการเมืองได้

ตรงนี้เองที่ทำให้คนรุ่นใหม่และพรรคก้าวไกลตกเป็นเป้าหมาย