สองหนุ่มด็อกเตอร์ ม.ดัง แอบเด็ดยอดอ่อนบอนสี วงจรปิดจับภาพมัด ต้องจ่ายค่าเสียหาย 3.8 แสน

Home » สองหนุ่มด็อกเตอร์ ม.ดัง แอบเด็ดยอดอ่อนบอนสี วงจรปิดจับภาพมัด ต้องจ่ายค่าเสียหาย 3.8 แสน


สองหนุ่มด็อกเตอร์ ม.ดัง แอบเด็ดยอดอ่อนบอนสี วงจรปิดจับภาพมัด ต้องจ่ายค่าเสียหาย 3.8 แสน

สองหนุ่มด็อกเตอร์ ม.ดัง แอบเด็ดยอดอ่อนบอนสี กล้องวงจรปิดจับภาพมัด ต้องจ่ายค่าเสียหาย 3.8 แสนบาท เสียงอ่อนรับสารภาพ เพิ่งหัดเลี้ยงแต่ไม่มีเงินซื้อ

เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 15 พ.ย.64 ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก น.ส.หัสยานนท์ จิรโรจนภูวดล หรือ ดรีม อายุ 30 ปี เจ้าของร้านสวนบอนสีน้องดรีม ในซอยงามวงศ์วาน18 แยก 3 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี หลังมีการโพสต์คลิปภาพและข้อความว่า “เราจะปราณีด้วยการไม่ลงหน้าเต็ม และชื่อนามสกุลคุณ จะลบโพสต์ตามกลุ่มให้แต่จะโพสคลิปการกระทำของคุณ เพื่อให้สวนต่างๆได้ระมัดระวัง

ทั้งนี้ทั้งสองคนได้ขอโทษ และจ่ายค่าเสียหายจำนวน 387,500 บาท เรียบร้อย พร้อมทั้งลงบันทึกประจำวันเอาไว้ ให้โอกาสโดยยังไม่แจ้งความ เพราะคนนึงเป็นถึงด็อกเตอร์ ม.ดัง ส่วนอีกคนก็เป็นคนมีหน้ามีตาในสังคม เราไม่อยากตัดอนาคตคุณ ส่วนยอดบอนสีที่เอาไป ฉันไม่รู้ว่าคุณเอาไปทำอะไรกันแน่ หรืออาจทำเงินให้คุณมากกว่าสี่แสน แต่ฉันหวังว่าจะไม่ได้เจอคุณทำกับใครที่ไหนอีก”

จากการลงพื้นที่พบว่าร้านขายต้นบอนสีแห่งนี้เป็นร้านตั้งอยู่กลางซอย บนเนื้อที่ประมาณ 200 ตรว. มีต้นไม้จำพวกบอนสีชนิดต่างๆเป็นจำนวนมาก ทางร้านได้สร้างเป็นเรือนปิดสำหรับป้องกันแมลงและควบคุมอุณหภูมิ ส่วนบริเวณรอบๆสวนมีรั้วกั้นปิดมิดชิด ติดตั้งกล้องวงจรปิดภายในหลายจุด

จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในร้าน วันเกิดเหตุพบว่า ผู้ก่อเหตุเป็นชาย 2 คน ชายคนแรกสวมเสื้อสีขาว คนที่สองสวมเสื้อสีดำ กำลังเดินดูต้นไม้ตามเรือนเลี้ยงต่างๆ ก่อนที่ชายเสื้อขาวเปิดพาสติกคลุมขึ้นพร้อมจากนั้นได้เอื้อมมือไปจับที่ต้นไม้ต้นหนึ่งแล้วเด็ดยอดอ่อนใส่ไว้ในมือ จากนั้นจึงหยิบกระถางต้นไม้ให้กับเจ้าของร้านดูเพื่อสอบถามราคาและถ่ายรูป

น.ส.หัสยานนท์ กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งวันนั้นสวนบอนสีปิด แต่คนร้ายทั้งสองคนได้โทรเข้ามาหาตน โดยบอกว่าจะมาเลือกซื้อต้นไม้และขอดูไม้ด่างในสวน ตนก็เข้ามาเปิดสวนให้ทั้งสองคนเข้ามาเดินเลือกดูหาต้นบอนสีที่ถูกใจไป โดยผู้ก่อเหตุเสื้อขาวจะเลือกหยิบต้นบอนสีที่มีราคาแพงขึ้นมาสอบราคากับตนแต่ไม่ซื้อ แต่กลับเลือกซื้อต้นที่ราคาถูกประมาณ 400-500 บาทแล้วก็ออกไป

จนต่อมาเวลาประมาณ 23.00 น. ตนได้หยิบต้นไม้ออกมาเพื่อที่จะเตรียมนำส่งให้ลูกค้าต่างประเทศก็พบว่ายอดอ่อนของต้นที่เพิ่งงอกขึ้นมาถูกเด็ดหายไปจากต้นแล้ว ตนกับเพื่อนในร้านจึงช่วยตรวจสอบต้นบอนสีที่คนร้ายหยิบมาทำทีขอดูก็พบว่ามียอดอ่อนของต้นบอนสี อีก 5 ต้นถูกเด็ดยอดไปเหมือนกัน คือต้นเดรสชินี ราคา 2.5 แสนบาท ต้นเพชรสุวรรณ ราคา 5 หมื่นบาท ต้นหนุมานประสานกาย ราคา 3.6 หมื่นบาท และไม้ด่างเพาะเมล็ดสายพันธุ์ใหม่อีก 2 ต้น ราคา 4 หมื่นบาท และ 5 หมื่นบาท รวมมูลค่าความเสียหาย 387,500 บาท

น.ส.หัสยานนท์ กล่าวต่อว่า หลังทราบตัวคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุทั้งสองรายแล้ว ตนได้ติดต่อไปให้ทั้งสองคนเดินทางกลับมาชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทำให้เช้าวันต่อมาทั้งสองคนกลับมาที่ร้านพร้อมกับนำเงินมาชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด พร้อมกับขอร้องตนไม่ให้แจ้งความเอาเรื่องเพราะทั้ง 2 คนมีดีกรีเป็นด็อกเตอร์มหาวิทยาลัยดังแห่งหนึ่ง

โดยทั้งคู่ยอมรับว่าเพิ่งจะหัดเล่นต้นบอนสีมาได้สักสองเดือนแต่ไม่มีเงินซื้อ จึงตัดสินใจก่อเหตุดังกล่าวเพื่อจะนำต้นอ่อนที่ขโมยได้ไปเพาะเยื่อขยายพันธ์ต่อ ซึ่งหลังถูกกล้องวงจรปิดทางร้านจำภาพพฤติกรรมทั้งหมดเอาไว้

ชายดีกรีด็อกเตอร์ทั้งสองรายอ้างว่าได้ขอยืมเงินเพื่อนมาจ่ายค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นตน 3.8 แสนกว่าบาท เพื่อไม่ให้ตนเข้าแจ้งความดำเนินคดีเพราะเกรงว่ากระทบต่อหน้าที่การงาน ส่วนเรื่องการขโมยเด็ดยอดอ่อนเพื่อนำไปเพาะเนื้อเยื่อนั้น ตนยังไม่เห็นว่ามีใครทำได้สำเร็จ

น.ส.หัสยานนท์ กล่าวว่า ช่วงนี้กระแสของต้นบอนสีกลับมาคึกคักอีกหนหลังจากห่างหายไปหลายสิบปี ทำให้ปัจจุบันทั้งยอนสีและไม้ด่างได้รับความนิยมราคาสูงขึ้น จึงมีคนร้ายก่อเหตุลักขโมยเป็นอย่างมาก วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือการเดินทางทุกก้าวและการติดตั้งกล้องวงจรปิดให้ทั่วทุกมุมของร้าน

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ