Apple ประเทศไทยประกาศขาย HomePod และ HomePod Mini อย่างเป็นทางการ พร้อมกับราคาเริ่มต้นเร้าใจที่ 3,890 บาท พร้อมจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย 10 พฤษภาคม นี้
Homepad คือ ลำโพงอัจฉริยะอันทรงพลังที่มีระบบเสียงสุดล้ำในดีไซน์สวยงามไม่ซ้ำใคร จากแบรนด์ Apple ที่มาพร้อมคุณสมบัติเด่นมากมาย
คุณสมบัติของ HomePods ที่คุณควรรู้
1. เสียงอันน่าทึ่ง
HomePod มอบคุณภาพเสียงที่สมจริง เสียงเบสที่ทุ้มลึก และเสียงสูงที่น่าประทับใจ พร้อมรองรับแทร็คเพลงที่ใช้ระบบเสียงตามตำแหน่งเพื่อความเต็มอิ่มสมจริง วูฟเฟอร์แบบ High-excursion แบบเฉพาะที่ขับเคลื่อนไดอะแฟรมให้ขยับไปมาได้ถึง 20 มม. ไมโครโฟนในตัวที่ตั้ง EQ มาสำหรับเสียงเบส และชุดทวีตเตอร์แบบบีมฟอร์มมิ่ง 5 ตัว ต่างทำหน้าที่ประสานกันเพื่อส่งมอบประสบการณ์ด้านเสียงอันทรงพลัง ชิป S7 ทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์และเทคโนโลยีรับรู้การทำงานในระบบเพื่อสร้างระบบเสียงเชิงคำนวณอันล้ำสมัยยิ่งขึ้น ที่จะแสดงพลังของระบบเสียงอะคูสติกได้อย่างถึงขีดสุด เพื่อประสบการณ์การฟังในระดับสะเทือนวงการ
เทคโนโลยีการรับรู้ตำแหน่งภายในห้องช่วยให้ HomePod นำข้อมูลเสียงสะท้อนจากพื้นผิวใกล้เคียงมาประมวลผลว่า ตอนนี้ตัวเครื่องวางอยู่ชิดผนังห้องหรือตั้งอยู่กลางห้อง แล้วนำไปปรับเปลี่ยนลักษณะเสียงได้แบบเรียลไทม์ การควบคุมทิศทางอันแม่นยำของชุดทวีตเตอร์แบบบีมฟอร์มมิ่ง 5 ตัว สามารถแยกและยิงแนวเสียงทั้งแบบตรงและแบบแวดล้อม เพื่อให้ผู้ฟังได้ดื่มด่ำกับเสียงร้องที่ชัดใสและเสียงเครื่องดนตรีแบบเต็มอิ่ม
HomePod mini มาพร้อมอะคูสติกเวฟไกด์ที่ออกแบบโดย Apple ที่จะควบคุมทิศทางของเสียงให้ออกมาทางด้านล่างของลำโพงเพื่อสร้างประสบการณ์เสียงแบบ 360 องศาที่ดื่มด่ำสมจริง ลูกค้าจึงสามารถวาง HomePod mini ไว้ได้เกือบจะทุกที่ในห้องโดยยังจะได้ยินเสียงที่สม่ำเสมอ ชุดไมโครโฟน 3 ตัวจะรอฟังคำสั่ง “หวัดดี Siri” ส่วนไมโครโฟนตัวที่ 4 ซึ่งหันเข้าด้านในจะคอยแยกแยะเสียงที่มาจากลำโพง เพื่อการจับเสียงที่ดียิ่งขึ้นในขณะที่เล่นเพลงอยู่
เพื่อให้ได้พลังเสียงที่ยิ่งใหญ่ในดีไซน์อันแสนกะทัดรัด ชิป Apple S5 ใน HomePod mini จะทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์สุดล้ำเพื่อวิเคราะห์ลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเพลง และใช้รูปแบบการปรับจูนอันซับซ้อนเพื่อเพิ่มระดับความดัง ปรับช่วงไดนามิก และควบคุมการเคลื่อนไหวของไดรเวอร์รวมถึงแพสซีฟเรดิเอเตอร์ ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นแบบเรียลไทม์ ไดรเวอร์ที่ให้เสียงครบทุกช่วงที่สร้างสรรค์โดย Apple ขับเคลื่อนด้วยแม่เหล็กนีโอไดเนียมและแพสซีฟเรดิเอเตอร์คู่แบบตัดแรงสั่น ช่วยให้สามารถสร้างเสียงเบสที่หนักแน่นและเสียงถี่สูงที่คมชัด
2. การออกแบบที่ประณีต
ผ้าตาข่ายแบบไร้รอยต่อที่ไม่ส่งผลต่อเสียงในทางอะคูสติก และพื้นผิวสัมผัสแบบแบ็คไลท์ที่จะสว่างขึ้นแบบขอบจรดขอบช่วยให้ HomePod และ HomePod mini ดูสวยงามเหมาะกับการนำไปวางตกแต่งในทุกพื้นที่
HomePod มีวางจำหน่ายในสีขาวและสีมิดไนท์ สีใหม่ที่ผลิตขึ้นจากผ้าตาข่ายรีไซเคิล 100% ในขณะที่ HomePod mini มาในสีสดใสเพื่อเพิ่มสีสันให้กับบ้าน ทั้งสีส้ม สีเหลือง และสีฟ้า รวมถึงสีเทาสเปซเกรย์และสีขาว ทั้ง HomePod และ HomePod mini มาพร้อมสายไฟแบบถักสีเข้ากัน
3. ยกระดับประสบการณ์ด้านเสียงด้วยการใช้ลำโพง HomePod หลายเครื่อง
การใช้ลำโพง HomePod หรือ HomePod mini ร่วมกัน 2 เครื่องขึ้นไปจะช่วยปลดล็อคหลากหลายคุณสมบัติอันทรงพลัง เมื่อใช้ระบบเสียงที่เล่นพร้อมกันในหลายห้องด้วย AirPlay2 ผู้ใช้สามารถพูดว่า “หวัดดี Siri” หรือแตะค้างไว้ที่ด้านบนของ HomePod หรือ HomePod mini เพื่อสั่งให้เล่นเพลงเดียวกันผ่านลำโพงหลายตัว เล่นเพลงแตกต่างกันบนลำโพงแต่ละตัว หรือแม้แต่ใช้ลำโพงเป็นอินเตอร์คอมเพื่อประกาศข้อความไปยังห้องอื่นๆ
ผู้ใช้ยังสามารถสร้างคู่เสียงสเตอริโอโดยใช้ลำโพง HomePod หรือ HomePod mini สองเครื่องซึ่งอยู่ในพื้นที่เดียวกันได้อีกด้วย3 ซึ่งนอกจากจะเล่นเพลงในช่องเสียงซ้ายและขวาแยกกันแล้ว คู่เสียงสเตอริโอนี้ยังจะเล่นเพลงในแต่ละช่องเสียงให้สอดคล้องลงตัวกัน เพื่อสร้างประสบการณ์ด้านเสียงที่โดดเด่นเหนือใคร
4. การทำงานอย่างไร้รอยต่อร่วมกับระบบนิเวศของ Apple
การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอัลตร้าไวด์แบนด์ทำให้ผู้ใช้สามารถย้ายสิ่งที่กำลังเล่นอยู่บน iPhone เช่น เพลงโปรด พ็อดคาสท์ หรือแม้แต่สายที่โทรค้างอยู่ มาเปิดเล่นต่อที่ HomePod หรือ HomePod mini ได้โดยตรง ทุกคนในบ้านสามารถควบคุมสิ่งที่กำลังเล่นอยู่ หรือรับเพลงที่คัดสรรตามผู้ใช้ และการแนะนำพ็อดคาสท์ได้ง่ายๆ เพียงนำ iPhone มาอยู่ใกล้กับ HomePod หรือ HomePod mini แล้วคำแนะนำจะปรากฏขึ้นโดยอัตโนมัติ กลุ่มผลิตภัณฑ์ HomePod ยังจดจำเสียงได้มากถึง 6 เสียง สมาชิกแต่ละคนในบ้านจึงสามารถรับฟังเพลงในเพลย์ลิสต์ของตัวเอง ถามข้อมูลเรื่องการเตือนความจำ และเพิ่มกิจกรรมลงในปฏิทินได้อีกด้วย
กลุ่มผลิตภัณฑ์ HomePod สามารถจับคู่กับ Apple TV 4K ได้อย่างง่ายดาย เพื่อสร้างประสบการณ์โฮมเธียเตอร์อันทรงพลัง และการรองรับ eARC (Enhanced Audio Return Channel)4 บน Apple TV 4K ก็ช่วยให้ลูกค้าสามารถนำ HomePod หรือ HomePod mini ไปใช้เป็นระบบเสียงสำหรับอุปกรณ์ทุกเครื่องที่เชื่อมต่ออยู่กับทีวีได้ เมื่อจับคู่กับ HomePod (รุ่นที่ 2) หรือ HomePod mini
คุณสมบัติปรับเสียงสนทนาจะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถได้ยินสิ่งที่พูดอยู่ในภาพยนตร์หรือรายการทีวีบน Apple TV 4K ได้ชัดเจนกว่าเสียงเอฟเฟ็กต์ แอ็คชั่น และดนตรี ด้วยการแยกเสียงสนทนาออกจากเสียงเบื้องหลัง และนำเสียงสนทนามาไว้ที่แชนเนลกลาง และด้วย Siri บน HomePod หรือ HomePod mini ผู้ใช้งานจะสามารถควบคุมสิ่งที่กำลังเล่นอยู่บน Apple TV 4K ได้แบบไม่ต้องสัมผัสหรือกดปุ่มใดๆ เลย
“ค้นหาของฉัน” บน HomePod และ HomePod mini ทำให้ผู้ใช้ทราบตำแหน่งของอุปกรณ์ Apple เครื่องต่างๆ ของตนเอง เช่น iPhone ได้ด้วยการทำให้อุปกรณ์ที่หาไม่เจอนั้นส่งเสียงออกมา นอกจากนั้น ผู้ใช้ยังสามารถใช้ Siri เพื่อขอทราบตำแหน่งที่ตั้งของเพื่อนๆ หรือบุคคลอันเป็นที่รักซึ่งได้เแชร์ตำแหน่งที่ตั้งผ่านแอปนี้ได้อีกด้วย
5. สิ่งจำเป็นสำหรับบ้านอัจฉริยะ
คุณสมบัติการจำเสียง5 ทำให้กลุ่มผลิตภัณฑ์ HomePod สามารถฟังเสียงของเซ็นเซอร์ตรวจจับควันไฟหรือก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ แล้วส่งการแจ้งเตือนไปที่ iPhone ของผู้ใช้ได้โดยตรงเมื่อเซ็นเซอร์ส่งเสียงเตือน เซ็นเซอร์ตรวจวัดอุณหภูมิและความชื้น6ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ในตัวนี้สามารถตรวจวัดข้อมูลภายในบ้านได้ ผู้ใช้จึงสามารถสร้างการทำงานอัตโนมัติให้ปิดม่านหรือพัดลมโดยอัตโนมัติเมื่ออุณหภูมิในห้องอยู่ถึงจุดที่กำหนดไว้7
เมื่อใช้งาน Siri ลูกค้าจะสามารถควบคุมอุปกรณ์หนึ่งชิ้นหรือสร้างบรรยากาศอย่าง “อรุณสวัสดิ์” ที่จะสั่งให้อุปกรณ์เสริมสำหรับบ้านอัจฉริยะหลายเครื่องทำงานพร้อมกัน หรือสร้างการทำงานอัตโนมัติที่เกิดซ้ำได้โดยไม่ต้องสัมผัสหรือกดปุ่มใดๆ เลย เพียงสั่งว่า “หวัดดี Siri เปิดม่านทุกวันตอน 6 โมงเช้า” เสียงยืนยันเสียงใหม่จะช่วยให้ทราบว่า Siri ทำตามคำขอให้ควบคุมอุปกรณ์เสริมสำเร็จแล้ว ซึ่งมีประโยชน์กับอุปกรณ์บางอย่างที่ไม่เห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงชัดเจน เช่น เครื่องทำความร้อน หรืออุปกรณ์เสริมที่อยู่ในห้องอื่น เสียงแอมเบียนซ์ เช่น เสียงทะเล เสียงป่า และเสียงฝนตก ก็ได้รับการรีมาสเตอร์และผสานให้เข้ากับประสบการณ์ต่างๆ ได้อย่างลงตัวมากขึ้น ผู้ใช้จึงสามารถเพิ่มเสียงใหม่ๆ นี้ลงไปในบรรยากาศ การทำงานอัตโนมัติ และใช้เป็นเสียงแจ้งเตือนได้
ผู้ใช้ยังสามารถเลื่อนหา ดู และจัดเรียงอุปกรณ์เสริมต่างๆ ได้อย่างง่ายดายด้วยแอปบ้าน ที่มีหมวดหมู่ต่างๆ สำหรับสภาพภูมิอากาศ แสงไฟ และความปลอดภัย ช่วยให้ตั้งค่าและควบคุมระบบบ้านอัจฉริยะได้อย่างง่ายดาย รวมถึงมุมมองแบบหลายกล้องอันสวยงาม และช่วยให้ผู้ใช้สามารถดูประวัติกิจกรรมในช่วง 30 วันที่ผ่านมาของตัวล็อคประตู ประตูโรงรถ ระบบสัญญาณแจ้งเหตุ และเซ็นเซอร์การสัมผัส ในขณะนี้ คุณสมบัติการล็อค 2 รายการที่ได้รับความนิยมสูงสุดใน HomeKit อย่างแตะเพื่อปลดล็อคและรหัส PIN ก็สามารถใช้งานได้กับตัวล็อคที่ใช้ได้กับ Matter เพื่อเพิ่มวิธีในการเชื่อมต่อเข้ากับบ้าน
6. การรองรับ Matter
Matter ช่วยให้ผลิตภัณฑ์บ้านอัจฉริยะสามารถทำงานข้ามระบบนิเวศ ในขณะที่ยังคงรักษาความปลอดภัยในระดับสูงสุดไว้ได้ Apple เป็นหนึ่งในสมาชิกของ Connectivity Standards Alliance ร่วมกับบริษัทชั้นนำอื่นๆ ของวงการที่นำเสนอมาตรฐาน Matter โดย HomePod และ HomePod mini สามารถเชื่อมต่อและควบคุมอุปกรณ์เสริมที่รองรับ Matter และทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางอุปกรณ์บ้านที่สำคัญเพื่อช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงอุปกรณ์เสริมสำหรับบ้านอัจฉริยะของตนเองได้แม้ไม่อยู่บ้าน
7. ข้อมูลของลูกค้าคือทรัพย์สินส่วนบุคคล
ค่านิยมหลักข้อหนึ่งของ Apple ก็คือการปกป้องความเป็นส่วนตัวของลูกค้า ดังนั้น การสื่อสารทั้งหมดของบ้านอัจฉริยะจึงถูกเข้ารหัสตั้งแต่ต้นทางไปถึงปลายทางเสมอ เพื่อให้ข้อมูลนี้ไม่สามารถอ่านได้โดย Apple รวมถึงภาพที่บันทึกจากกล้องด้วยคุณสมบัติวิดีโอ HomeKit เพื่อความปลอดภัยด้วย เมื่อใช้ Siri เสียงคำขอต่างๆ จะไม่ถูกเก็บไว้โดยค่าเริ่มต้น ผู้ใช้จึงวางใจได้ว่าความเป็นส่วนตัวของตนเองภายในบ้านจะได้รับการปกป้อง
8. HomePod และสิ่งแวดล้อม
HomePod และ HomePod mini ได้รับการออกแบบมาโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ โดยมีการใช้แร่โลหะหายากรีไซเคิล 100% ในแม่เหล็กของลำโพง และพลาสติกรีไซเคิลในผ้าตาข่าย รวมถึงพลาสติกรีไซเคิล 100% ในผ้าสีมิดไนท์ใหม่ของ HomePod นอกจากนี้ HomePod ยังใช้ทองรีไซเคิล 100% ในการเคลือบแผงวงจรพิมพ์หลายชิ้น เยื่อไม้ทั้งหมดในบรรจุภัณฑ์ก็มาจากแหล่งวัสดุที่จัดหาอย่างมีความรับผิดชอบและวัสดุรีไซเคิล ลำโพงทั้งสองยังปลอดสารปรอท สารหน่วงการติดไฟกลุ่มโบรมีน, PVC และเบริลเลียม
HomePod และ HomePod mini ใช้ส่วนประกอบและซอฟต์แวร์ที่ช่วยประหยัดพลังงาน ซึ่งลดการใช้พลังงานของอุปกรณ์ในระหว่างที่ไม่มีการใช้งานได้อย่างชาญฉลาด ตัวอย่างเช่น ด้วยการออกแบบให้ HomePod และ HomePod mini มาพร้อมคุณสมบัติการจัดการพลังงานที่ปรับแต่งมาอย่างดี และอุปกรณ์จ่ายไฟประสิทธิภาพสูง จึงทำให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในโหมดพลังงานต่ำ
ซึ่งนับเป็นเวลาส่วนใหญ่ของการใช้งาน ผลที่ได้ก็คือ HomePod และ HomePod mini ที่ประหยัดพลังงานตั้งแต่แกะออกมาจากกล่อง และใช้พลังงานน้อยกว่าข้อกำหนดที่เข้มงวดที่สุดของ ENERGY STAR ราว 75 เปอร์เซ็นต์ วันนี้ Apple มีความเป็นกลางทางคาร์บอนสำหรับการดำเนินงานในระดับองค์กรทั่วโลก และวางแผนที่จะทำให้ซัพพลายเชนในการผลิตทั้งหมดรวมถึงอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นมีความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2030 ด้วย ซึ่งหมายความว่าอุปกรณ์ Apple ทุกเครื่องที่จำหน่ายออกไป รวมถึง HomePod และ HomePod mini จะมีผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศเป็นศูนย์
ราคาเปิดตัวของ HomePods และ HomePod Mini
HomePod พร้อมให้คุณเป็นข้าวของได้ตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคม โดยมีราคาดังต่อไปนี้
- HomePod (รุ่น 2) ราคา 11,490 บาท
- HomePod Mini ราคา 3,890 บาท
เรื่องที่ควรู้หากอยากเป็นเจ้าของ HomePods
- HomePod (รุ่นที่ 2) ใช้งานได้กับ iPhone SE (รุ่นที่ 2) และใหม่กว่า หรือ iPhone 8 และใหม่กว่า หรือ iPad Pro, iPad (รุ่นที่ 5) และใหม่กว่า, iPad Air (รุ่นที่ 3) และใหม่กว่า หรือ iPad mini (รุ่นที่ 5) และใหม่กว่า แนะนำให้ใช้ iOS หรือ iPadOS เวอร์ชั่นล่าสุด
- HomePod mini ใช้งานได้กับ iPhone SE, iPhone 6s หรือใหม่กว่า หรือ iPod touch (รุ่นที่ 7) หรือ iPad Pro, iPad (รุ่นที่ 5 หรือใหม่กว่า), iPad Air 2 หรือใหม่กว่า หรือ iPad mini 4 หรือใหม่กว่า แนะนำให้ใช้ iOS หรือ iPadOS เวอร์ชั่นล่าสุด
- สมาชิกใหม่สามารถใช้ Apple Music ได้ฟรี 6 เดือน เมื่อซื้อ HomePod หรือ HomePod mini รุ่นใดก็ได้