นายชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จากพรรคเพื่อไทย แถลงต่อรัฐสภาเมื่อวันอังคาร (12 ก.ย.) ว่าการที่คนไทยไม่ยอมมีลูก แม้หลายคนมีความพร้อมด้านต่างๆ นั้นเป็นความคิดที่บิดเบี้ยว
“มาดูเรื่องประชากรกันใหม่ครับ ‘ลูกมากจะยากจน’ ต้องเอาออกจากสมองคนไทย คนไทยไม่ยอมมีลูกครับ โดยเฉพาะคนที่มีพื้นฐานการศึกษาที่ดีนะครับ มีความรู้ มีความสามารถ มีฐานเศรษฐกิจที่รองรับ ไม่ยอมมีลูก! หลายคู่ครับแต่งงานปุ๊บบังคับให้สามีทำหมันเลย ไม่อยากมีลูก นั่นคือสิ่งที่กำลังบิดเบี้ยวในสังคมไทย” นายชลน่าน กล่าว
คำกล่าวนี้เกิดขึ้นระหว่างการอภิปรายคำแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา ที่ดำเนินมาเป็นวันที่ 2 ซึ่งของกระทรวงสาธารณสุขมีการนำเสนอหลายนโยบาย เช่น การกระจายสถานพยาบาลไปอยู่ในความดูแลของท้องถิ่น และการให้สิทธิคนไทยเข้าไปรักษาที่สถานพยาบาลใดก็ได้เพียงแค่มีบัตรประชาชน
ด้านนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรคก้าวไกล ก็ตอบโต้คำกล่าวดังกล่าวของนายชลน่านอย่างทันควัน ผ่านโพสต์ในเอกซ์ (X หรือชื่อเก่าทวิตเตอร์) ว่า
“การที่คู่รักแต่งงานกัน ใช้ชีวิตร่วมกัน แต่ไม่ต้องการมีลูกนั้น ไม่ใช่ ‘เรื่องบิดเบี้ยว’ แต่เป็น ‘เรื่องของเขา’ ครับ”
ธนาคารโลกเผยว่า อัตราการเจริญพันธุ์ของไทยลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2564 ผู้หญิงคนไทย 1 คน มีลูกเฉลี่ยเพียง 1.3 คน ขณะที่ 20 ปีก่อนอยู่ที่ 1.6 คน ซึ่งน้อยกว่าปี 2534 ที่ผู้หญิงมีลูกโดยเฉลี่ย 2 คน
อัตราดังกล่าวเมื่อปี 2564 ทำให้ไทยเป็นประเทศที่ผู้หญิงมีลูกน้อยที่สุดประเทศหนึ่งของโลก ใกล้เคียงไซปรัส ญี่ปุ่น และโปแลนด์
ส่วนประเทศที่มีอัตราเจริญพันธุ์น้อยที่สุดในเอเชีย คือ เกาหลีใต้ ที่ 0.81 คน ต่อผู้หญิง 1 คน ตามมาด้วยสิงคโปร์ที่ 1.12 คน และจีนที่ 1.16 คน