ศรีสุวรรณ ยื่น กกต.สอบ “ธนาธร-ปิยบุตร-พรรณิการ์” ปมนั่งร่วมวงเจรจาตั้งรัฐบาลก้าวไกล ส่อยุบพรรค ชี้ พิธา เหมาะนั่งนายกฯ แต่นโยบาย ม.112 เสี่ยงทำชาติขัดแย้ง
เมื่อเวลา 13.15 น. วันที่ 22 พ.ค. 2566 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นหนังสือถึง กกต. ให้ตรวจสอบพฤติกรรมของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และน.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหาร (กก.บห.) คณะก้าวหน้า เป็นบุคคลที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคก้าวไกลเข้าครอบงำ ชี้นำการทำงานของพรรค อันอาจขัดมาตรา 28 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 หรือไม่
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ เมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2563 เพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งของ กก.บห. พรรคอนาคตใหม่ทั้ง 11 คน และสั่งให้ยุติการไปจดแจ้งการตั้งพรรคใหม่หรือมีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคการเมืองเป็นระยะเวลา 10 ปี แต่หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว ทั้ง 3 คนก็ไปก่อตั้งคณะก้าวหน้า และมูลนิธิคณะก้าวหน้า โดยใช้สถานที่ทำการเดียวกันกับพรรคก้าวไกล บริเวณถนนรามคำแหง
นายศรีสุวรรณ กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นทั้ง 3 คน ก็เคลื่อนไหวการขับเคลื่อนการกระจายอำนาจเลือกตั้งท้องถิ่น และมีการล่ารายชื่อประชาชน 50,000 ชื่อ เพื่อผลักดันแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญการกระจายอำนาจ ซึ่งพรรคก้าวไกลก็ได้สอดรับกับเรื่องดังกล่าวด้วย
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า อีกทั้ง ทั้ง 3 คนได้ขับเคลื่อนการปฏิรูปกองทัพ และการกระจายอำนาจ ซึ่งก็มาปรากฏนโยบายของพรรคก้าวไกล การเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค. 66 ทั้ง 3 คนก็เลี่ยงกฎหมาย โดยการไปสมัครเป็นผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล หรือแม้กระทั่งเลือกตั้งผ่านพ้นไปแล้ว พรรคก้าวไกลมี ส.ส.มากที่สุด ก็ได้มีการนัดหารือกันเรื่องจัดตั้งรัฐบาล ที่ร้านอาหารย่านถนนสุโขทัย ทั้ง 3 คนก็ได้เข้าไปร่วมวงเจรจาด้วย
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า พฤติกรรมต่างๆ ที่ตนพูดมานั้น ทั้ง 3 คนเข้าไปมีปฏิสัมพันธ์กับพรรคก้าวไกลอย่างต่อเนื่อง ทั้งในเชิงนโยบายและการขับเคลื่อน และล่าสุดการพูดคุยจัดตั้งรัฐบาลก็เข้าร่วมด้วย ดังนั้น พฤติกรรมของทั้ง 3 คน อาจเข้าข่ายครอบงำ ชี้นำ กิจกรรมของพรรคการเมืองไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม อันเป็นข้อห้ามตามมาตรา 28 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ซึ่งทางสมาคมเห็นว่าก่อนหน้านี้นายธนาธร ได้ไปให้สัมภาษณ์กับสื่อช่องหนึ่ง โดยกล่าวว่าตนเองได้สั่งการให้ ส.ส.ในพรรคก้าวไกล ไปหาเสียงสนับสนุนผลักดันพ.ร.บ.สุราก้าวหน้าด้วย ชี้ให้เห็นว่านายธนาธรได้เข้ามาครอบงำ ส.ส.ของพรรคก้าวไกลด้วยหรือไม่
นายศรีสุวรรณ กล่าวต่อว่า วันนี้ตนได้นำคลิปวิดีโอและถอดเทปรายการดังกล่าว โดยเราทำให้เห็นว่าทั้ง 3 คนไม่ได้ตัดขาดกับพรรคก้าวไกลเลย ซึ่งการกระทำดังกล่าวสุ่มเสี่ยงที่จะเข้าข่ายมาตรา 28 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ต้องให้กกต.ไต่สวนสอบสวนว่า การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายมาตรา 28 หรือไม่ ส่วนมาตรา 29 ที่ระบุว่าห้ามมิให้พรรคการเมืองใดให้บุคคลที่ไม่ใช่สมาชิกของพรรคเข้ามาชี้นำ ถ้ากกต.วินิจฉัยว่าเข้าข่ายมาตรา 28 ดังนั้นมาตรา 29 ก็จะตามมาต่อเนื่องอยู่แล้ว ซึ่งมาตรานี้มีบทลงโทษค่อนข้างรุนแรง ถ้ากกต.วินิจฉัยว่าเข้าข่ายเหมือนกันก็เป็นเหตุที่จะนำไปสู่การยุบพรรคได้
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ตนมาร้องเรียนตามสิทธิที่กฎหมายกำหนด เพียงแต่ประเด็นที่ตนร้องเรียนนั้นอาจจะไปขัดหูขัดตาของใครหลายๆ คน ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาในสังคม ส่วนกังวลหรือไม่ที่มายื่นนั้น ตนไม่กังวล เพราะคนเราจะให้เขามารักมาชอบ 100 เปอร์เซ็นต์คงไม่ได้ แต่เราก็ทำหน้าที่พลเมืองอย่างบริสุทธิ์และทำต่อไป แต่ต่อไปนี้ตนอาจจะไม่แจ้งวาระเข้ายื่นกับผู้สื่อข่าว เพราะไม่อยากให้เกิดการปะทะกัน
“อยากฝากถึงคนที่ทำร้ายผมว่า กฎหมายก็คือกฎหมาย เมื่อคิดจะทำร้ายผมก็ต้องยอมรับผลของกฎหมาย และผมก็ได้แจ้งความดำเนินคดีไปแล้ว อย่ามาร้องห่มร้องไห้ตีหน้าเศร้าขอรับเงินบริจาคก็แล้วกัน ไม่เช่นนั้นจะเจอคดีที่ 3 ตามมา เพราะเรื่องแบบนี้ผมไม่ยอมอยู่แล้ว กล้าทำก็ต้องกล้ายอมรับผิด เป็นลูกผู้ชายอย่าทำตัวเหมือนคุณหนู” นายศรีสุวรรณ กล่าว
เมื่อถามว่าทำไมนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถึงไม่เหมาะจะเป็นนายกรัฐมนตรี นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า จริงๆ นายพิธา เหมาะที่จะเป็นนายกฯ เป็นคนหนุ่มไฟแรง อายุแค่ 42 ปี แต่นโยบายของพรรคก้าวไกล บางนโยบายยังไม่เป็นที่ยอมรับของสังคมไทย โดยเฉพาะการยกเลิกหรือแก้ไขมาตรา 112 ซึ่งนายพิธาก็ยังยืนหยัดอยู่ แม้ว่าความเหมาะสมจะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เราต้องมองในเรื่องของนโยบายที่มันจะส่อให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรง อาจนำมาซึ่งความขัดแย้งของสังคม
เมื่อถามว่าในสถานการณ์ตอนนี้ใครควรเป็นนายกฯ นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า หัวหน้าพรรคทั้ง 70 พรรค ตนมองว่าไม่มีใครเหมาะสมเป็นนายกฯ เลย ตนเชียร์ใคร ขึ้นอยู่กับประชาชน แต่อยากแนะนำถึงนายพิธา และพรรคก้าวไกลว่า ถ้ายอมถอยเรื่องมาตรา 112 ได้ เขาจะกลายเป็นฮีโร่ของใครหลายๆ คนด้วยซ้ำ ซึ่งถ้าจะให้เขาสง่างามควรถอยเรื่องนี้ไป แล้วไปตกผลึกความคิดในการจัดสัมมนาเรื่องนี้กันก่อนที่จะนำมาเป็นนโยบาย นั่นอาจจะเป็นทางออกของพรรค
เมื่อถามว่ากลัวถูกทำร้ายอีกหรือไม่ นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ถ้ากลัวปากแตก ศรีสุวรรณจะมายืนตรงนี้ทำไม เราต้องทำหน้าที่ของเราต่อไปไม่มีใครมาหยุดยั้งการกระทำของศรีสุวรรณได้ ยืนยันว่าไม่กลัว และจะทำให้หนักมากยิ่งขึ้น เมื่อถามว่าอาการที่ถูกชกไปเมื่อวันที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมาจนปากแตกหายหรือยัง นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ตอนนี้กินน้ำพริกได้แล้ว พร้อมเปิดหน้ากากอนามัยโชว์สื่อมวลชนและบอกว่า “หล่อแล้วๆ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายศรีสุวรรณยังได้เข้าให้ถ้อยคำต่อ กกต. กรณียื่นคำร้องขอให้ตรวจสอบพรรคเพื่อไทย กรณีนายสมชาย แสวงการ ออกมาโพสต์คลิปทักษิณ สั่งส.ส.โอนเงินซื้อสิทธิ ขายเสียงเพื่อให้ประชาชนเลือกพรรคเพื่อไทย ให้แลนด์สไลด์
ทั้งนี้ ระหว่างการให้สัมภาษณ์กับสื่อได้มีการ์ดจำนวนหนึ่งมายืนเฝ้าดูแลความปลอดภัย และจากเดิมมีการนัดหมายยื่นเรื่องเวลา 10.00 น. แต่ได้เลื่อนเวลา เพราะเวลาดังกล่าวมีนายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋น ทนายความจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมนายวีรวิชญ์ รุ่งเรืองศิริผล หรือลุงศักดิ์ ผู้ที่เคยก่อเหตุบุกทำร้าย เดินทางเข้ายื่นเรื่องคัดค้านนายศรีสุวรรณ