หัวหน้าพรรคการเมืองพรรคหนึ่งในปีกอนุรักษนิยมแบบสุดขั้ว กล่าวบนเวทีปราศรัยหาเสียงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ไม่นานมานี้ เนื้อหาตอนหนึ่งได้ดึงสถาบันเข้ามาเกี่ยวข้อง ในการประกาศจุดยืนและนโยบายพรรค
ว่าหากพรรคของตนได้รับเลือกเข้าไปเป็นแกนนำรัฐบาล จะจัดการกับพวกชังชาติ พวกล้มสถาบัน สร้างความวุ่นวายปั่นป่วนให้กับประเทศชาติอย่างเด็ดขาด
การปราศรัยเกิดขึ้นหลังก่อนหน้านั้นไม่นาน เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ลงนามหนังสือส่งถึงหัวหน้าพรรคคนดังกล่าว ให้ควบคุมและกำกับดูแลสมาชิกระดับแกนนำพรรค
ไม่ให้นำสถาบันมาใช้หาเสียงเลือกตั้ง เนื่องจากเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ กฎหมาย ข้อบังคับ รวมทั้งระเบียบ ประกาศและคำสั่งของ กกต.
บนเวทีดีเบต “สงคราม 9 พรรค เดอะ ลาสต์ วอร์” โดย 2 สื่อใหญ่ มติชน-เดลินิวส์ ต่อข้อถามถึงแนวคิดไล่คนชังชาติออกนอกประเทศ
น.ต.ศิธา ทิวารี แคนดิเดตนายกฯ พรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า ตนติดตามข่าวสารทางอินเตอร์เน็ตอย่างละเอียด เวลามีการกล่าวหาว่าใครชังชาติ เขามักจะตอบว่า “ไม่ได้ชังชาติ แต่เขาชังมึง”
การไปบอกว่าใครคนใดคนหนึ่งชังชาติเพื่อคะแนนเสียงตัวเอง ทำให้ตัวเองดีขึ้นโดยเหยียบหัวคนอื่นให้ต่ำลง บอกพรรคนี้ชังชาติ พรรคนี้ล้มเจ้า กลัวว่าคนที่ออกไปเลือกตั้ง เกิดมี 10 ล้านเสียงเลือกพรรคที่ถูกกล่าวหาชังชาติ หรือล้มเจ้า แบบนั้นคงไม่ใช่
ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า ไม่มีคนไทยคนไหนชังชาติ แต่อยากไล่คนยึดอำนาจออกจากรัฐบาล ประชาชนคือเจ้าของประเทศที่แท้จริง
หลังการปราศรัยของหัวหน้าพรรคฝ่ายอนุรักษนิยมสุดขั้ว แนวความคิดไล่คนชังชาติออกนอกประเทศ ถูกหยิบขึ้นมาหัวข้อดีเบตพรรคการเมืองหลายเวที
มีการเขียนบันทึก คำว่า ‘ชังชาติ’ เป็นวาทกรรมเกิดในยุคหลังรัฐประหาร 2557 โดยกลุ่มคนที่สนับสนุนรัฐบาลและการทำรัฐประหาร นำมาใช้กล่าวหาผู้วิพากษ์วิจารณ์ คัดค้านอำนาจรัฐบาลที่มีรากฐานจากการรัฐประหาร รวมถึงผู้แสดงความเห็นต่างกับค่านิยมบางประการของสังคมไทย ว่ากลุ่มคนเหล่านี้เกลียดชังประเทศชาติ
กระนั้นก็ตามมีข้อโต้แย้งว่า ผู้ถูกยัดเยียดข้อหา ‘ชังชาติ’ เจตนาไม่ได้วิจารณ์ชาติหรือประเทศชาติ
แต่วิจารณ์ฝ่ายอำนาจที่อ้างความรักชาติ อ้างความมั่นคงของชาติ บังหน้าการแสวงหาผลประโยชน์ให้กลุ่มคณะของตนเองและพวกพ้อง รวมถึงใช้เป็นข้ออ้างในการสืบต่ออำนาจ ยาวนานถึงปัจจุบันอีกด้วย