FootNote:สถานะขีปนาวุธ จาก 1 หมื่น สะท้อน ความจัดเจน เพื่อไทย
ปฏิกิริยาต่อการนำเสนอการแจกเงินหัวละ 10,000 บาทอย่างถ้วนทั่ว จากคำประกาศของ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี มากด้วยความแหลมคม
ไม่ว่าจะมาจากพรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่ว่าจะมาจากพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าจะมาจากพรรคประชาธิปัตย์
ยิ่งเสียงจากพรรคประชาธิปัตย์ ยิ่งรุนแรงและแข็งกร้าว
เท่ากับฉายภาพเงาสะท้อนของพรรคร่วมรัฐบาลในร่มเงาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ขึ้นมาอย่างชัดเจน
ทั้งๆที่พรรคพลังประชารัฐเพิ่งเติมเงินเป็น 700 บาท ทั้งๆที่พรรครวมไทยสร้างชาติเพิ่งเติมเงินเป็น 1,000 บาท แต่พลันที่ประสบเข้ากับจำนวน 10,000 บาทก็ระเนนเอนราบ
คำถามว่าจะเอาเงินจากไหนดังขึ้นอย่างเซ็งแซ่แม้จะไม่เคยตั้งข้อสงสัยแม้แต่น้อย ต่อการเพิ่มเงิน 700 บาท และต่อการเพิ่มเงิน 1,000 บาทของตน
การรุกไล่จากองค์กรอิสระอย่างคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือกกต.คือเครื่องบ่งบอกถึงความเป็นอิสระ
เป็นอิสระจากพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล อย่างแน่วแน่
บทบาทและความหมายผ่านแต่ละ “ปฏิกิริยา” อันมาจากพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ เท่ากับเป็นเครื่องยืนยัน
ยืนยันให้เห็นถึงความหวาดหวั่นว่าการแจกเงิน 10,000 บาท จะเป็นขีปนาวุธในทางการเมืองอันร้อนแรง
เหมือนกับ 30 บาทรักษาทุกโรค เหมือนกับกองทุนหมู่บ้าน
ถามว่าแรกที่มีการเสนอโครงการกองทุนหมู่บ้านขึ้น ได้ปรากฏเสียงต่อต้านหรือไม่ แรกที่มีการเสนอโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ได้ปรากฏการเยาะเย้ยหยามหยันหรือไม่
แต่พลันที่รัฐบาลพรรคไทยรักไทยลงมือทำหลังการเลือกตั้ง เมื่อเดือนมกราคม 2544 ทุกอย่างก็เรียบร้อย การจำหลักอย่างมั่นคงก็ปรากฏตามมา
ทุกอย่างล้วนดำเนินไปบนฐาน ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ทั้งสิ้น
ต้องยอมรับในความจัดเจนของพรรคเพื่อไทยอันสืบทอดมาจาก พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน จากโครงการค่าแรง 600 บาท จากแผนการแจกเงิน 10,000 บาท
เพราะได้ยึดครอง “พื้นที่” แห่งการเคลื่อนไหวในทางการเมือง
ภายใน “ปฏิกิริยา” อันตามมาด้วย “คำถาม” มากมายย่อมเปิดโอกาสให้พรรคเพื่อไทยได้อธิบาย และภายในกระสวนแห่งการอธิบายคือการขยายพื้นที่ในทางนโยบาย
ความหงุดหงิดจาก “ปฎิกิริยา” ก็คือ คำตอบสุดท้าย