พปชร. ชู ‘บิ๊กป้อม’ นั่งนายกฯ ก้าวข้ามความขัดแย้ง พร้อมโอบกอดทุกขั้ว ลดค่าครองชีพ ฟื้นเศรษฐกิจฐานราก ต่อยอดจุดแข็งภาคการเกษตร
วันที่ 13 มี.ค. 2566 ที่โรงแรม พูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพฯ (รางน้ำ) เครือมติชนจัดแคมเปญ “มติชน: เลือกตั้ง 2566 บทใหม่ประเทศไทย” เปิด 5 เวที 10 ยุทธศาสตร์ 2 กลยุทธ์ ซึ่งวันนี้เป็นเวทีแรก ประชันนโยบาย “ย้ำจุดยืน ชูจุดขาย ประกาศจุดแข็ง” ที่มีตัวแทนจาก 8 พรรคการเมือง ร่วมขึ้นเวทีประชันนโยบาย
ในรอบที่ 3 เป็นการนำเสนอจุดขายและจุดแข็งของพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมืองพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า หากเลือกพรรคพลังประชารัฐ จะมีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค เป็นนายกรัฐมนตรี และจะมี 3 สิ่งเกิดขึ้นในประเทศไทย
สิ่งที่ 1 มีเราจะไม่มีความขัดแย้ง สิ่งนี้คือจุดยืนทางการเมืองที่สำคัญของพรรค ยอมรับว่า 17 ปีของการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง สาเหตุที่ทำให้ประเทศถดถอยมักจะเกิดจากความขัดแย้ง ไม่ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะชนะก็ตาม พรรค พปชร.มีเจตจำนงค์มุ่งมั่นในการเป็นพรรคที่จะสร้างสมดุลของการแข่งขันทางการเมือง ประสงค์ไม่เข้าสู่กลไกความขัดแย้ง เพราะหากเกิดความขัดแย้ง ก็ไม่ได้เกิดประโยชน์กับพรรคการเมืองและประชาชน และนโยบายที่พูดกันทั้งหมดจะไม่มีความหมาย ประเทศจะถอยกลับสู่ที่เดิม
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร ได้เปิดใจในจดหมายน้อยว่าการทำการเมืองครั้งนี้ มีความประสงค์ที่จะนำพาคนไทยและการเมืองไทยก้าวข้ามความขัดแย้งทางการเมือง หลายฝ่ายยอมรับว่าพล.อ.ประวิตร มีบารมีและประสบการณ์ สามารถที่จะโอบกอดทุกขั้วการเมืองเพื่อผ่านการขัดแย้ง และส่งผ่านการเมืองไทยไปสู่ข้างหน้าได้
สิ่งที่ 2 มีเราค่าครองชีพลดทันที ได้แก่ 1.ปฏิรูปพลังงานด้วยการปฏิรูปราค่าน้ำมัน ปฏิรูปการสร้างรายได้ให้ประชาชนด้วยการติดตั้งโซล่าร์เซลล์บนหลังคาเรือน และใช้ระบบหัก ลบ กลบ จ่าย หลังคาของประชาชนจะเกิดเป็นรายได้และลดค่าใช้จ่าย รวมทั้งปรับโครงสร้างราคาแก๊ส โดยดูโครงสร้างในอ่าวไทย ให้ประโยชน์กับประชาชนที่ใช้แก๊สในครัวเรือนก่อน
2.ประชาชนมีรายได้เพิ่มทันทีจากบัตรสวัดดิการประชารัฐ 700 คน ทันทีที่พรรคพลังประชารัฐเป็นรัฐบาล วันรุ่งขึ้น ประชาชน 14 ล้านคนจะมีรายได้ 700 บาท และจะต่อยอดด้วยกลไกการสร้างงานสร้างอาชีพ ให้โอกาสฝึกทักษะ เพื่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้น ไม่ได้อยู่ในเส้นรายได้น้อยตลอดไป 3.คนไทยทุกช่วยวัยจะได้รับการดูแล โดยนโยบายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 3 พัน 4 พัน 5 พัน ภายใต้อายุ 60 70 80 ที่ประกาศไปแล้ว
สิ่งที่ 3 มีเราเศรษฐกิจฐานรากต้องฟื้น ได้แก่ 1.แถลงโอกาสทางเศรษฐกิจและสังคม นำพาทุกคนไปสร้างงานที่ฐานราก ตามนโยบาย “มีเรามีที่ทำกิน มีเราไม่มีแล้ง” ที่ประกาศไปแล้ว ที่สำคัญ โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนจะต้องถูกกระจายไปสู่ประชาชนฐานราก เพื่อให้เป็นเจ้าของวัตถุดิบทางการเกษตรและมีรายได้จากโครงการดังกล่าว 2.พรรค มีเป้าหมายที่ชัดเจนในการสร้างให้เอสเอ็มอีมีโอกาสพลิกฟื้นจากภาวะเป็นหนี้ ด้วยกองทุนของพรรคพลังประชารัฐ เติมทุนให้ตั้งตัวได้ พัฒนาสร้างทักษะ สร้างแต้มต่อเพื่อความมั่นคงของเอสเอ็มอี
3.ยกระดับเศรษฐกิจจากเครื่องยนต์เดิม เปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ในเรื่องนวัตกรรม ดิจิตัล และเศรษฐกิจสีเขียว จะไม่ปล่อยให้การพัฒนาประเทศอยู่ในจุดเดิม ด้วยการเติมโครงสร้างหลักของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นโครงการอีอีซี หรือสาธารณูปโภค
ขณะเดียวกันต้องต่อเติมจุดแข็งของประเทศในภาคเกษตรไปสู่เกษตรชีวภาพ เปลี่ยนปาล์มน้ำมัน มันสําปะหลัง และอ้อย ไปสู่น้ำมันเครื่องบิน Biojet และจะต้องไปสู่ธุรกิจอาหารที่เป็นหัวใจสำคัญ ไปสู่ธุรกิจ EV ในยุคเปลี่ยนผ่านสู่รถไฟฟ้า ให้เป็นอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่