ดีเจมะตูม เผย จัดฉากจับโจร ไม่ได้ทำตามใจตัวเอง แค่อยากปกป้องชื่อเสียง ขอโทษแม่ มีข่าวเสียหายอีกแล้ว ก้ง 101 ร่ำไห้! สูญเงิน 8 ล้าน กว่าจะได้มา ยากมาก ยัน เอาเรื่องถึงที่สุด
เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 2566 หลังจบรายการโหนกระแส ดีเจมะตูม เตชินท์ พลอยเพชร และ นายณัฐกานต์ เหล่าน้ำใส หรือ ก้ง 101 ผู้เสียหาย ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน กรณีสาวมิจฉาชีพ ชื่อ วาวา ทำทีตีสนิทและแอบอ้างชื่อ พร้อมชักชวนคนอื่นให้ร่วมลงทุนต่างๆมีผู้เสียหายสูญเงินกว่า 8 ล้านบาท ก่อนมีคลิป มะตูม จัดฉากล่อเหยื่อมิจฉาชีพคนดังกล่าว ทำทีว่าจะเลี้ยงปีใหม่เข้ามาที่ร้านอาหารที่ตนเป็นเจ้าของ ก่อนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแสดงตัวจับทันควันตามที่เป็นข่าวเสนอไปก่อนหน้านี้ อ่านข่าว : ดีเจมะตูม จัดฉากเดือดรวบ วาวา มิจฉาชีพ ถลกกางเกงอึ้งอีเอ็ม ตุ๋นสิบๆล้าน
ดีเจมะตูม เปิดเผยว่า รู้จักกับผู้ก่อเหตุไม่ถึง 1 เดือน ตอนแรกทำทีเป็นลูกค้ารวยๆ เข้ามาที่ร้าน และเปย์จ่ายค่าอาหารเครื่องดื่ม จากนั้นพอได้คุยกัน ผู้ก่อเหตุชักชวนให้ร่วมลงทุนธุรกิจ อ้างว่า จะให้เป็นหุ้นส่วน แต่ยังไม่มีเวลาไปทำเรื่องซื้อขายที่ดิน ตนจึงเลขาส่วนตัวช่วยประสานให้ทุกอย่าง
จนกระทั่งถึงวันซื้อขายที่ดิน ผู้ก่อเหตุไม่ยอมมา แต่โอนเงินให้เลขา 1 ล้าน เพื่อยืนยันว่าจะซื้อที่ดินแน่นอน พอหลังจากนั้น 1 ชั่วโมง กลับให้เลขาของตนโอนกลับไป พร้อมบอกกลับบ้านไปได้เลย ส่วนเรื่องซื้อขายที่ดินจะดำเนินการต่อเอง ทำให้ตนเริ่มสงสัย พอตรวจสอบจึงพบว่า ผู้ก่อเหตุมีคดีความติดตัวอยู่ หลังจากนั้นตนจึงตีตัวออกห่าง
ดีเจมะตูม บอกอีกว่า พอได้คุยกับน้องก้งที่เป็นผู้เสียหาย จึงทำให้รู้ว่าผู้ก่อเหตุแอบอ้างชื่อตน ไปหลอกให้ร่วมลงทุน 8 ล้านบาท ทำให้ตนเกิดความไม่สบายใจ อยากช่วยผู้เสียหาย และอยากจะยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง ว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการมิจฉาชีพ
จึงวางแผนกันว่า จะพาผู้เสียหายมาที่ร้านของตน ในวันอาทิตย์ที่ 15 ม.ค. 66 ซึ่งเป็นวันที่ร้านหยุด แต่จะจัดฉากให้เหมือนร้านเปิดตามปกติ พอผู้ก่อเหตุมามาถึงร้าน จึงเกิดเหตุการณ์ขึ้นตามคลิป ซึ่งมีตำรวจมาด้วย เพราะก่อนนี้ได้ปรึกษาตำรวจแล้ว เนื่องจากผู้ก่อเหตุยังมีหมายจับ จากคดีอื่นๆด้วย
ตอนที่ผู้เสียหายกับผู้ก่อเหตุยื้อกัน ตนเห็นมีวัตถุบางอย่าง อยู่ตรงข้อเท้าผู้ก่อเหตุ ตอนแรกคิดว่า อาจจะเป็นระเบิดหรือปืน เพราะดูละครเยอะเกินไป แต่พอเปิดดูเห็นผู้ก่อเหตุใส่กำไลอีเอ็ม ในคลิปหลายคนมองว่ารุนแรง แต่ไม่มีการทะเลาะวิวาท ถึงขั้นทำร้ายร่างกาย มีแค่ราดน้ำอัดลมใส่หัวเท่านั้น ซึ่งตนเป็นคนห้าม ยืนยันว่า เหตุการณ์ในคลิป ไม่ได้ทำตามใจตัวเอง แต่อยากออกมาปกป้องชื่อเสียงตัวเอง
ดีเจมะตูม บอกอีกว่า อยากขอโทษแม่ อยากกอดแม่ เพราะเคยสัญญาไว้ว่า จะไม่มีข่าวเสียหายอีกแล้ว ทำให้แม่เครียด แต่อยากให้แม่รู้ว่า สิ่งที่ทำเพราะยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง เพราะหลังจากที่เป็นข่าว มีผู้เสียหายติดต่อเข้ามาเยอะมาก
ด้านนายณัฐกานต์ เหล่าน้ำใส หรือ ก้ง 101 เปิดเผยว่า ผู้ก่อเหตุ อ้างว่า รู้จักกับดีเจมะตูม มานาน 2-3 ปี และมีการสร้างโปรไฟล์ เพื่ออวดอ้างว่าตัวเองรวย ทำธุรกิจหลายอย่าง จนกระทั่งตนหลงเชื่อ ร่วมลงทุนไป 8 ล้าน ทำธุรกิจออมทอง และธุรกิจอื่นๆ
จากนั้น ผู้ก่อเหตุพาตนไปดูตู้เซฟ ที่ธนาคารแห่งหนึ่ง อ้างว่า ข้างในตู้เซฟมีทอง 1,000 บาท และบอกว่าถ้าลงทุนไปแล้ว ไม่ได้เงินคืนมา ให้นำกุญแจไปมาไขเอาทองในตู้เซฟได้เลย พร้อมกับให้กุญแจไว้เป็นหลักประกัน สร้างความน่าเชื่อถือ ยิ่งทำให้ตนหลงเชื่อ
นายณัฐกานต์ บอกอีกว่า ผู้ก่อเหตุยังขายรถปอร์เช่ รุ่นบ็อกซเตอร์ ในราคา 2.5 ล้าน จากราคาเต็ม 5 ล้าน และขายนาฬิกาปาเต๊ะ ในราคา 2.5 ล้าน แต่ให้มัดจำก่อน 5 แสน ถ้ามีเมื่อไหร่ค่อยมาจ่าย
แต่พอรู้ความจริงว่าถูกหลอก เพราะยังไม่ได้เงินตามที่ตกลงไป พอไปสืบถึงรู้ว่าผู้ก่อเหตุ ขายนาฬิกาปาเต๊ะปลอมให้ ส่วนรถปอร์เช่รุ่นบ็อกซเตอร์ ก็ไปเช่ามาเป็นรายวัน จึงปรึกษาทนายและดีเจมะตูมร่วมกันจับมิจฉาชีพ จนเกิดเหตุการณ์ขึ้นตามคลิป
นายณัฐกานต์ บอกอีกว่า ตนไม่ได้เกินกว่าเหตุ แต่อยากช่วยทำเรื่องนี้ให้เป็นข่าว เพราะมีผู้เสียหายเยอะมาก รวมมูลค่า 100 ล้าน ส่วนเงิน 8 ล้าน ที่โดนโกงไป มาจากการไลฟ์สดขายของเช้าถึงเย็น มีพ่อแม่ช่วยไลฟ์ด้วย เหนื่อยมากกว่าจะได้เงินมาขนาดนี้ แม่ว่าจะได้เงินกลับคืนมายาก แต่จะสู้ให้ถึงที่สุด ไม่อยากให้คนก่อเหตุออกมาหลอกคนอื่นอีก
ทางด้าน นายศีรวิษ สุขชัย หรือ ทนายเบียร์ เปิดเผยว่า หลังจากที่ผู้เสียหายรู้ว่าโดนโกงแล้ว ก็ได้นำกุญแจที่ผู้ก่อเหตุให้ไว้ ไปไขตู้เซฟที่ธนาคาร แต่ไม่สามารถเปิดได้ ตนจึงไปแจ้งความข้อหาฉ้อโกง และอายัดตู้เซฟไว้ก่อน
หลังจากแจ้งความไปแล้ว พบว่า ผู้ก่อเหตุมีหมายจับ 9 คดี แต่ถอนไปแล้ว 8 คดี ทำให้ยังเหลือหมายจับอีก 1 คดี อยู่ที่จังหวัดศรีสะเกษ ก่อนเกิดเหตุการณ์ในคลิป ได้ไปแจ้งความที่ สน.บางซื่อ พอผู้ก่อเหตุเข้ามาที่ร้าน ทางตำรวจจึงควบคุมตัว ไปดำเนินคดีทันที ซึ่งคดีที่ผู้ก่อเหตุโดนจับนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับลูกความของตน