คำผกา ชี้ถ้า ‘ตู่’ โผล่รวมไทยสร้างชาติ เลือกตั้งเสร็จ 250 ส.ว.จะหามเสลี่ยงไปรับ ‘อั๋น’ คาดอาจเบียดเสียงประชาธิปัตย์ในภาคใต้
เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 22 พ.ย. 2565 ข่าวสดออนไลน์ จัดรายการ “ข่าวจบ คนไม่จบ” ดำเนินรายการโดย อั๋น ภูวนาท คุนผลิน และแขก ลักขณา ปันวิชัย หรือ คำ ผกา ในหัวข้อ “จบเอเปค การเมืองกระเพื่อม ลือหนัก ตู่ ซบไทยสร้างชาติ”
คำ ผกา กล่าวว่า รัฐบาลนี้จะหมดวาระสิ้นเดือน ก.พ. 2566 ตามระยะเวลาจะต้องมีการเลือกตั้งในเดือน พ.ค. 2566 เมื่อดูพรรคการเมืองที่ร่วมรัฐบาล จะมีพลังประชารัฐ ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ ด้านพรรคเล็ก คือ ชาติไทยพัฒนา ส่วนชาติพัฒนากล้า มีส.ส.แค่ 2-3 คนไม่น่าจะมีบทบาทอะไรมาก ถ้าดูพรรคที่มีบทบาทมาก คือ พลังประชารัฐ ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์
คำ ผกา กล่าวต่อว่า ประชาธิปัตย์ตกที่นั่งลำบาก เพราะเลือดไหลออกทุกวัน ไหลไปภูมิใจไทยด้วย อย่างนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ก็จะไป แล้วนายอนุทินก็บอกว่ายินดีต้อนรับทุกคน พร้อมเปิดพรรคคุยกับทุกคนที่เห็นไปในแนวทางเดียวกับนโยบายของภูมิใจไทย พรรคที่หัวกระไดไม่แห้งคือภูมิใจไทย แล้วประชาธิปัตย์ส่วนหนึ่งก็ไหลไปที่ภูมิใจไทย และรวมไทยสร้างชาติ
คำ ผกา กล่าวอีกว่า ประชาธิปัตย์บางส่วนก็อาจไปกับนายกรณ์ จาติกวณิช ในชาติพัฒนากล้า แต่ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้กี่เสียง ส่วนประชาธิปัตย์จะต้องหดลง โอกาสที่จะประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งน้อยมาก พรรคที่มาแรงแซงโค้งและมีเสถียรภาพที่สุดคือภูมิใจไทย พรรคที่เป็นบ้านหลังใหม่ของ พล.อ.ประยุทธ์ คือพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคนี้ใครๆ ก็รู้ว่าถูกออกแบบมาเพื่อรองรับ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ยังไม่มีภาพออกมาชัดเจน
คำ ผกา กล่าวต่อว่า ส่วนพลังประชารัฐระส่ำระสายมานานแล้ว เพราะองค์ประกอบเหมือนเป็นพรรครวมการเฉพาะกิจ คือรวมมาตั้งแต่อดีตไทยรักไทย อดีตเพื่อไทย มารวมกันที่นี่หมด บางคนบอกมาเพราะกระสุน บางคนมาเพราะกระแส บางคนก็มาพร้อมกับคดีความ คำขู่เรื่องคดีความต่างๆ ถ้ามาอยู่พรรคนี้เดี๋ยวจะเคลียร์คดีให้ ทำให้มีคนหลากหลายอุดมกาณ์ หลากหลายวัตถุประสงค์ ผลประโยชน์ มารวมกันอยู่ในพลังประชารัฐ แต่ดูเหมือนไม่มีใครมีจุดหมายในการสานฝันในฐานะที่เป็นพรรคการเมืองร่วมกัน
คำ ผกา กล่าวอีกว่า อย่างประชาธิปัตย์ก็มีอุดมการณ์ร่วมกันอย่างหนึ่ง พรรคภูมิใจไทยก็มีอุดมการณ์ร่วมกัน แต่พลังประชารัฐ เราหาแก่นของอุดมการณ์ที่ทุกคนมารวมตัวกันไม่ได้เลย นอกจากมี ส.ว. 250 ตัวแปรอยู่ตรงที่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ไปไหน ส.ว. 250 คนก็ไปด้วย แปลว่า ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ไปรวมไทยสร้างชาติ ส.ว. 250 ก็ตามไปด้วย
คำ ผกา กล่าวต่อว่า หาก ส.ว. 250 คนลงเลือกตั้ง ต้องได้เสียงประมาณ 10 ล้านเสียง ถึงจะได้ตัวแทน 250 เสียงในสภา แต่ 250 เสียงในมือ คุณไม่ต้องลงทุนลงแรงไปปราศรัยหาเสียงที่ไหน ไม่ต้องเอาเสียงประชาชนแม้แต่ 1 เสียง ผู้แทนราษฎรแต่ละคนกว่าจะได้เป็นผู้แทนราษฎร ต้องได้ 7 หมื่นเสียง 5 หมื่นเสียง เสียงประชาชน 6 หมื่นคนได้ ส.ส. 1 คน แต่ส.ว. 250 คนไม่ต้องมีเสียงประชาชนสักคน เพราะฉะนั้นสัดส่วนการได้เปรียบทางการเมือง มันได้เปรียบกันอย่างไม่เห็นฝุ่น
คำ ผกา กล่าวอีกว่า พลังประชารัฐมีการแตกกัน กลุ่มนายสุชาติ ชมกลิ่น ก็ไม่ถูกกับกลุ่มพลังชล กลุ่มสามมิตรที่ประกอบด้วย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน จะเป็นอีกปีกนึง กลุ่ม ส.ส.กำแพงเพชร นครสวรรค์ กลุ่มส.ส.ภาคกลางตอนล่าง ก็เป็นอีกกลุ่มนึง คราวนี้จะปั่นป่วน แล้วดูเหมือนว่า ใครต่อใครในพลังประชารัฐตอนนี้คือเกียร์ว่าง ไม่มีใครกล้าพูดอะไรเลยว่าจะอยู่หรือจะไป จะไปในที่นี้ไม่ใช่ไปกับ พล.อ.ประยุทธ์ มีแนวโน้มว่า ส.ส.พลังประชารัฐ อาจจะไปภูมิใจไทย หรือแม้กระทั่งไปเพื่อไทย
คำ ผกา กล่าวต่อว่า ยังมีโจทย์อีกว่า พล.อ.ประวิตร จะเอา ร.อ.ธรรมนัส กลับมาพลังประชารัฐหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ ที่บอกว่าไปกินข้าวไปคุยกัน เขาลือกันว่าเป็นการเจรจาว่าจะให้ส.ส.พลังประชารัฐ เป็นของชำร่วยให้พล.อ.ประยุทธ์เอาไปรวมไทยสร้างชาติได้กี่เสียง เพราะพล.อ.ประยุทธ์ต้องการ แล้วเขามี ส.ว. 250 เสียง เอาไว้โหวตนายกฯ อันนี้ชัวร์ ไม่มีอะไรต้องห่วง แต่เขาต้องการ ส.ส.อย่างน้อย 25 เสียง เพื่อจะได้มีสิทธิเสนอแคนดิเดตนายกฯ
คำ ผกา กล่าวอีกว่า ฉะนั้นที่คุยกับ พล.อ.ประวิตร ต้องคุยกันว่ามีคนที่มีโอกาสว่าจะได้เป็น ส.ส.กี่คน แล้วแบ่งมา แต่มันไม่มีอะไรแน่นอน ถ้าแบ่งไปให้แล้ว รวมไทยสร้างชาติอาจจะได้ปริ่มๆ 25 คน แต่พลังประชารัฐจะได้เท่าไร สมมติแบ่งไปให้รวมไทยสร้างชาติแล้ว 10 คน ไปภูมิใจไทยแล้วสัก 7-8 คน กระจัดกระจายไปที่ต่างๆ อีก แล้วยังมีอีกปมคือ วันที่ 23 พ.ย.นี้ ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยเรื่องการแก้ พ.ร.ป.กฎหมายลูกเรื่องการเลือกตั้ง ทุกคนยังไม่ชัวร์ว่าจะหาร 100 หรือหาร 500 ถ้าตัวเลขไม่ชัวร์ก็หนักใจว่าจะแบ่ง ส.ส.กันยังไง ระหว่าง 2 พรรคที่จะจับมือเดินไปด้วยกัน
อั๋น กล่าวต่อว่า อีกด้านหนึ่งมีคนมองว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ตัวแปรหนึ่งที่เราอาจมองว่าน่าเป็นห่วง แต่มีคนมองว่าไม่น่าเป็นห่วง คือพลังประชารัฐ เพราะอยู่ในจุดที่เขาสามารถอยู่กับใครก็ได้ และพร้อมเป็นตัวแปรที่ไปเป็นรัฐบาลได้เสมอ สมมติรวมไทยสร้างชาติที่มีพล.อ.ประยุทธ์ สามารถรวมกันแล้วเป็นสัดส่วนที่ได้ เขาจะเกาะไปอยู่ตรงนั้นแล้วรวมเป็นรัฐบาลด้วย แต่ถ้าแลนด์สไลด์ไปเพื่อไทยแต่ไม่สุดทาง เผลอๆ อาจจะเห็นพลังประชารัฐไปจับมือกับเพื่อไทยก็ได้ หากประยุทธ์ออกไป เขาเลยมองว่าพลังประชารัฐอาจจะกลายเป็นพรรคที่มีอิสระมากขึ้น ยืดหยุ่นกว่าตอนมี พล.อ.ประยุทธ์อยู่
คำ ผกา กล่าวเสริมว่า อย่าลืมว่าถ้าพลังประชารัฐยืดหยุ่นไปอยู่กับเพื่อไทยเพื่อเป็นรัฐบาล เขาจะไม่สามารถต่อกันติดกับพล.อ.ประยุทธ์อีกตลอดชีวิตหรือไม่ ถ้าเขามารวมกับเพื่อไทยจริง แปลว่าเขาถีบหัวส่งพล.อ.ประยุทธ์ เท่ากับโดนลอยแพ พล.อ.ประยุทธ์จะยอมเป็นฝ่ายค้านหรือไม่
คำ ผกา กล่าวอีกว่า พล.อ.ประวิตรน่าจะอยู่พลังประชารัฐ แล้วสายสัมพันธ์ของพล.อ.ประวิตรกับ ร.อ.ธรรมนัสก็แน่นแฟ้นมาก เแล้วหตุที่ต้องแยกทางกันเดินกับพล.อ.ประยุทธ์ ก็มีร.อ.ธรรมนัสเป็นตัวแปรด้วย สำหรับตนคิดว่าพล.อ.ประยุทธ์อาจจะไม่ไปรวมไทยสร้างชาติในเชิงเอกสาร แต่พอเลือกตั้งเสร็จก็ส่งเสลี่ยงไปรับ คนหามเสลี่ยงมี 250 คน
อั๋น กล่าวเสริมว่า ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง รวมไทยสร้างชาติน่าจะประกาศเสียงดังพอสมควรว่า พร้อมส่ง พล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกฯ ไม่งั้นจุดขายจะเบาหวิว ถ้าไมพูดถึงพล.อ.ประยุทธ หรือไม่มีพล.อ.ประยุทธ์ ต่อให้บางคนในพลังประชารัฐบอกว่าวันนี้ชื่อพล.อ.ประยุทธ์ขายไม่ได้ก็ตาม แต่สำหรับรวมไทยสร้างชาติ ถ้าไม่ขายพล.อ.ประยุทธ์ก็ไม่มีอะไรขายเหมือนกัน
อั๋น กล่าวอีกว่า โพลล่าสุดอย่างนิด้าโพล พบว่าพล.อ.ประยุทธ์ยังขายได้ในภาคใต้ ถ้ารวมไทยสร้างชาติได้พล.อ.ประยุทธ์ไปจริง พรรคที่ต้องกลัวคือประชาธิปัตย์ที่ครองเสียงภาคใต้อยู่ อาจจะถูกรวมไทยสร้างชาติเบียดเอาคะแนนเสียงมาจนตัวเองเสียพื้นที่และสาบสูญหนักลงไปอีก
คำ ผกา กล่าวต่อว่า ตนฟันธงว่าพล.อ.ประยุทธ์อยู่ที่ไหน นายสุชาติ ชมกลิ่น จะอยู่ที่นั่น แต่คนอื่นๆ ที่อยู่รวมไทยสร้างชาติตอนนี้จะยินดีต้อนรับนายสุชาติหรือไม่ เพราะมีการแข่งขันช่วงชิงกันทางการเมือง ถ้านายสุชาติและแก๊งไปแล้วไม่ได้เป็นคนสำคัญ ต้องไปแข่งกับอีกหลายก๊วนจะไปหรือไม่ ต้องดูว่ากลุ่มพลังชลจะยังอยู่กับพลังประชารัฐหรือไม่ เพราะกลุ่มบ้านใหญ่ของชลบุรีก็อาจจะออกจากพลังประชารัฐ หรือกระจายไปอยู่หลายๆ พรรค กลุ่มที่ปั่นป่วนที่สุด ไม่ลงตัวสักพรรคเลย คือภาคตะวันออก ทั้งฉะเชิงเทรา สระแก้ว ชลบุรี เขาวิเคราะห์กันแบบนั้น