ตม.เผย สุวรรณภูมิสุดคึกคัก นักท่องเที่ยวแน่น เครื่องลงชั่วโมงละ 20-25 เที่ยวบิน เผยตัวเลขคนเดินทาง 4-5หมื่นคนต่อวัน กลับมาใกล้เคียงช่วงก่อนโควิด

วันที่ 11 พ.ย.2565 พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผบก.ศท.ตม. และ โฆษก สตม. กล่าวถึงกรณีภาพผู้โดยสารจำนวนมาก แน่นโถงรอรับการตรวจหนังสือเดินทาง ที่มีการเผยแพร่ภาพทางสื่อโซเชียลว่า ภาพดังกล่าว เป็นภาพจริง ผู้โดยสารกำลังทยอยเข้ารับการตรวจหนังสือเดินทาง ที่โถงผู้โดยสารขาเข้า สนามบินสุวรรณภูมิ โดยเป็นภาพในช่วงเที่ยวบินขาเข้าหนาแน่น เมื่อวันที่ 10 พ.ย.2565 ช่วงบ่าย ซึ่งเป็นช่วงที่เที่ยวบินลงติดต่อกันหนาแน่น ราวชั่วโมงละ 20-25 เที่ยวบิน

พล.ต.ต.เชิงรณ กล่าวว่า ผู้โดยสารในช่วงนี้ จะมีปริมาณสูงราวชั่วโมงละ 3,000 คน สำหรับปริมาณผู้โดยสารภาพรวม ขณะนี้ ขาเข้าประเทศทางอากาศ วันเดียว มีตัวเลขประมาณ 57,000 คน เป็นคนต่างชาติถึง ประมาณ 49,000 คน ต่อวัน ส่วนใหญ่เป็นคนสัญชาติอินเดีย เกาหลีใต้ สิงคโปร์ มาเลเซีย จะเห็นว่าตัวเลขคนเดินทางกลับมาใกล้เคียงช่วงก่อนมีโควิดระบาด ซึ่งมีผู้โดยสารเดินทางเข้าไทยสูงสุดวันละประมาณ 60,000 คน ถือเป็นข่าวดีของระบบเศรษฐกิจไทยที่จะได้ฟื้นตัว

ตามนโยบายของรัฐบาล หลังใช้มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นการขยายเวลา วีซ่าท่องเที่ยว 30 วัน เป็น 45 วัน และ visa on arrival 15 วัน เป็น 30 วัน โดย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธ์ ผบช สตม. ได้กำชับให้ พล.ต.ต.มนตรี แป้นเจริญ ผบก.ตม.2 กำหนดมาตรการในการรองรับอำนวยความสะดวกการตรวจหนังสือเดินทางในช่วงเที่ยวบินหนาแน่น ภายใต้หลักความมั่นคง

โดย ผบก.ตม.2 ได้ใช้มาตรการโดยเฉพาะด้านกำลังพลเพื่อเสริมการปฏิบัติรองรับการตรวจคนเดินทางทุกช่องตรวจเต็มกำลัง สามารถระบายผู้โดยสารได้ราว 3,500 คน ในช่วง 30 นาที ดังนั้น แม้ภาพที่เห็นอาจเป็นจังหวะช่วงผู้โดยสารไหลเข้ามาสะสม แต่การระบายก็เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ไม่มีภาพผู้โดยสารล้นออกนอกโถงดังที่เคยเป็นข่าวอีกอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ดี ขอทำความเข้าใจว่า ในการอำนวยความสะดวกนั้น จนท.ตม.ต้องให้ความสำคัญกับมาตรการความมั่นคง โดยเฉพาะการระมัดระวังการแฝงตัวเป็นนักท่องเที่ยวของคนต่างชาติบางกลุ่ม ซึ่งเข้ามาใช้ไทยเป็นแหล่งทำธุรกิจผิดกฏหมาย ฟอกเงิน โดยใช้วีซ่าผิดเงื่อนไข ซึ่งทาง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร ได้เน้นย้ำให้ ตม.เพิ่มความเข้มในการคัดกรอง โดยเฉพาะช่วงการประชุม APEC ในเดือน พ.ย.นี้