“ก้าวไกล” ปล่อยขบวนคาราวานหาเสียงคึกคัก “วิโรจน์” ลั่น “ไม่ได้เข้ามาเปลี่ยนคน แต่เข้ามาเปลี่ยนเกม” อ้อนปชช.เทคะแนนให้เข้าไปขับเคลื่อน 12 นโยบายสร้างเมืองที่คนเท่ากัน แจง ดราม่า “ชัยธวัช” แค่พูดถึงบทบาทระหว่างผู้ว่าฯ -ส.ก.
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 21 พ.ค. ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ก่อนขึ้นรถแห่หาเสียงทั่ว กทม.ถึงกรณีกระแสดราม่า หลังนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ปราศรัยบทบาทการทำงานของ ส.ก. หากไม่มีหัวจะบริหารยาก ว่า ตนเข้าใจว่าทางเลขาพรรคฯ พูดถึงบทบาทโดยปกติระหว่างผู้ว่าฯ กทม. กับ ส.ก.
ต้องยอมรับว่าการขับเคลื่อนในการสร้างความเปลี่ยนแปลง ส.ก. มีบทบาทสำคัญมากในการแก้ไขข้อบัญญัติที่ล้าสมัย เป็นอุปสรรคในการให้บริการประชาชน และไม่เป็นธรรมกับประชาชน รวมถึงการจัดสรรงบประมาณด้วย เพราะผู้ว่าฯ กทม.เสนอแนวทางขับเคลื่อนนโยบายผ่านงบประมาณเข้าไปในสภากทม. แต่คนที่จะยกมือโหวตผ่านงบประมาณ คือ ส.ก. เราจึงพยายามอธิบายว่านี่คือกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนบริหารเมืองไปด้วยกัน
“เราไม่ได้โจมตี แต่พูดตามพื้นฐานข้อเท็จจริง ถ้าส.ก.ไม่ทำงานร่วมกันกับผู้ว่าฯ กทม. การขับเคลื่อนนโยบายก็ทำไม่ได้ เพราะงบประมาณและข้อบัญญัติที่เป็นอุปสรรคก็จะผ่านไม่ได้ นโยบายต่างๆ ก็จะติดหล่ม นี่คือสิ่งที่เราต้องพูดกันอย่างตรงไปตรงมา” นายวิโรจน์ กล่าว
เมื่อถามว่า ใกล้จะเลือกตั้งแล้ว ได้ชี้แจงนโยบายอย่างครบถ้วนแล้วใช่หรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า เราได้พยายามชี้แจงอย่างครบถ้วนแล้ว โดยเราวางนโยบายไว้อย่างชัดเจนว่าเป้าหมายสำคัญที่สุดคือเมืองที่คนเท่ากัน จึงตกผลึกมาเป็น 12 นโยบาย และการจะขับเคลื่อนนโยบายได้ต้องมีงบประมาณ แต่บางครั้งก็ยังขับเคลื่อนได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพเพราะติดขัดเรื่องข้อบัญญัติ เราจึงต้องใช้กลยุทธ์เอาสภากทม.เป็นกลไกในการแก้ข้อบัญญัติ เพื่อทลายอุปสรรค ทำให้สามารถขับเคลื่อน 12 นโยบายสร้างเมืองที่คนเท่ากันได้
เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่าจะคว้า ส.ก. 25 ที่นั่งได้ นายวิโรจน์ กล่าวว่า สุดท้ายอยู่ที่การกากบาทของประชาชน แต่เราได้เสนอความตั้งใจและความมุ่งมั่นว่า ส.ก.จะเข้าไปมีบทบาทอะไร ทั้งเรื่องงบประมาณและแก้ไขข้อบัญญัติที่ล้าสมัย
เมื่อถามว่า การลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้จะสร้างความเปลี่ยนแปลงใดให้ กทม.บ้าง นายวิโรจน์ กล่าวว่า การปักธงทางความคิดและชี้ให้เห็นปัญหาความเหลื่อมล้ำและความอยุติธรรมที่เกิดในเมือง ประโยชน์ที่เกิดขึ้นแน่ๆ คือประชาชนได้รับรู้แล้ว และจะต้องเกิดการขับเคลื่อนในการแก้ไขอย่างใดอย่างหนึ่งแน่นอน และถ้าเรามีโอกาสก็จะเข้าไปทำงานอย่างเต็มที่แน่นอน
“การขึ้นรถแห่ในวันนี้ ต้องการพบปะประชาชนและเชิญชวนให้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งในวันที่ 22 พ.ค. เพราะเป็นโอกาสในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งแรกในรอบ 9 ปี และบังเอิญตรงกับวันที่ 22 พ.ค.2557 ที่เราถูกรัฐประหาร ถูกคณะโจรปล้นอำนาจเราไป กทม.จะเป็นโดมิโนตัวแรกที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงและบอกว่าอำนาจเป็นของประชาชนและจะไม่ให้ใครมาปล้นเอาไป” นายวิโรจน์ กล่าว
จากนั้น นายวิโรจน์ พร้อมด้วย ส.ก. จากพรรคก้าวไกลทั้ง 50 เขต ขึ้นรถแห่ไปรอบ กทม. โดยเริ่มจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ขึ้นสะพานพระรามเจ็ดไปฝั่งธน ผ่านศาลาว่าการ กทม. จามจุรีสแควร์ และจบที่ย่านรามคำแหงที่อาคารอนาคตใหม่ เพื่อรณรงค์ให้คนกทม.ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.และส.ก.ในวันที่ 22 พ.ค.นี้ โดยเลือกนายวิโรจน์ เบอร์ 1 และ ส.ก.พรรคก้าวไกล 50 เขต เข้าไปขับเคลื่อน 12 นโยบาย สร้างเมืองที่คนเท่ากัน โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนโบกมือทักทาย
นายวิโรจน์ กล่าวขณะอยู่บนรถแห่ตอนหนึ่งว่า “ใครบอกว่าเราเป็นหมูไม่กลัวน้ำร้อน จะกลัวทำไม ถ้ากติกาไม่เป็นธรรมกับประชาชน จะปล่อยให้ถูกรีดไถไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ก้าวไกลไม่ได้เข้ามาแค่เปลี่ยนคน แต่ก้าวไกลเข้ามาเปลี่ยนเกม”