9 มิ.ย.ปลดล็อกกัญชา สธ.จ่อออกกฎหมาย ห้ามใช้สันทนาการ ลุยแจกกล้า 1 ล้านต้น

Home » 9 มิ.ย.ปลดล็อกกัญชา สธ.จ่อออกกฎหมาย ห้ามใช้สันทนาการ ลุยแจกกล้า 1 ล้านต้น



ประกาศปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติด มีผล 9 มิ.ย.นี้ สธ.จ่อออกกฎหมาย ห้ามใช้สันทนาการ ลุยแจกพันธุ์กล้า 1 ล้านต้น เริ่ม มิ.ย.

เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2565 นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และนายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือเพื่อการใช้ประโยชน์กัญชา กัญชงในครัวเรือนทางการแพทย์และศึกษาวิจัย

นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า สธ.ออกประกาศปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติด มีผลในวันที่ 9 มิ.ย.2565 โดยกัญชามีสารสำคัญทั้งทีเอชซีและซีบีดี หากได้รับอย่างเหมาะสมสามารถนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ รักษาโรค และดูแลส่งเสริมสุขภาพในครัวเรือนได้ ซึ่ง สธ.ขับเคลื่อนให้นำไปใช้ในทางที่ถูกต้อง ไม่นำไปใช้ในการสันทนาการ โดยจะออก พ.ร.บ.มากำกับ

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากที่ผ่านมากัญชาติดเรื่องของยาเสพติดทำให้ไม่สามารถพัฒนาสายพันธุ์ได้ เมื่อปลดล็อกแล้วประชาชนเข้าถึงการปลูก สธ.จึงลงนามร่วมกับกรมวิชาการเกษตร เพื่อสนับสนุนการนำไปใช้ประโยชน์ในครัวเรือน ทางการแพทย์ และศึกษาวิจัย

โดยกรมวิชาการเกษตรพัฒนาต้นกล้ากัญชากัญชงรวมกัน 1 ล้านต้น ให้มีความแข็งแรง ป้องกันโรคต่างๆ โดยใช้เทคโนโลยีชีวภัณฑ์นำสิ่งมีชีวิตมาควบคุมสิ่งมีชีวิต ซึ่งดีกว่าการใช้ยาที่นำไปสู่การสะสมของสารพิษ การก่อโรคต่างๆ โดยเฉพาะมะเร็ง ซึ่งจะนำไปให้ประชาชนปลูกในครัวเรือนและใช้ประโยชน์ อาจเป็นเรื่องประกอบอาหาร ใช้รักษาสุขภาพตนเอง

“เมื่อได้สายพันธุ์กัญชาที่ดี ทนทาน น่าจะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป การปลูกคงไม่ได้จำกัดแค่ในครัวเรือน เป็นการปลูกในจำนวนที่เหมาะสมดูแลสุขภาพ หรือการเป็นอาหาร กัญชาใช้ในสุขภาพส่วนหนึ่งไม่มากประมาณ 25% ส่วนอื่นก็อาหารเสริมผลิตภัณฑ์อาหารต่างๆ มีมานานแล้ว”

นพ.เกียรติภูมิ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ เราให้ความรู้ประกอบ แนะนำวิธีการปรุง นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ทางการแพทย์สุขภาพจริง ไม่ส่งเสริมในการใช้กัญชาในทางเป็นโทษ เช่น การนำไปใช้ในทางสันทนาการ และหากเกษตรกรทำได้ดีอาจขนายต่อยอดเป็นเศรษฐกิจพื้นบ้านหรืออุตสาหกรรม เพื่อนำผลผลิตส่งต่อไปเพื่อพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งปลายน้ำมีมากกว่าการเป็นสารสกัดเป็นยา แต่ยังมีทั้งอาหาร เครื่องสำอาง ที่เป็นส่วนหนึ่งกระตุ้นเศรษฐกิจชีวภาพนี้ได้

ด้าน นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า เมื่อปลดล็อกกัญชากัญชงออกจากยาเสพติด ก็จะมาอยู่ในกฎหมายของกรมวิชาการเกษตร คือ พ.ร.บ.กักพืช พ.ร.บ.พันธุ์พืช และ พ.ร.บ.คุ้มครองพันธุ์พืช ซึ่งจะดูเรื่องคุณภาพมาตรฐานการผลิตต้นกัญชากัญชง ซึ่งจากการประชุมคณะกรรมการกักพืชเมื่อวันที่ 19 พ.ค. มีมติเห็นชอบให้ทำประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กำหนดกัญชากัญชงเป็นพืชกักกัน เพื่อควบคุมดูแลมาตรฐาน แมลงศัตรูพืชที่อาจติดเข้ามา

นายระพีภัทร์ กล่าวต่อว่า ส่วนเมล็ดพันธุ์ กรมฯ จะออกประกาศยกเว้นเรื่องการนำเมล็ดพันธุ์เข้ามา หากนำมาทำพันธุ์และประกอบทางการแพทย์ โดยเตรียมเสนอกระทรวงเกษตรฯ ออกประกาศก่อนวันที่ 9 มิ.ย.นี้ เพื่อรองรับระหว่างรอ พ.ร.บ.กัญชากัญชงที่อยู่ในการพิจารณาของสภา

“พอปลดล็อกสารเสพติดก็อาศัย พ.ร.บ.เหล่านี้ในการควบคุมดูแลคุณภาพมาตรฐานและเมล็ดพันธุ์ที่จะนำเข้าจากต่างประเทศ หากไม่มีกฎหมายในการตรวจสอบรับรอง อาจมีการลักลอบนำเมล็ดที่ด้อยคุณภาพเข้ามา”

นายระพีภัทร์ กล่าวอีกว่า ดังนั้น การส่งเสริมวิจัยพัฒนาสายพันธุ์กัญชาให้เหมาะสมบริบทประเทศไทย กรมวิชาการเกษตรและ สธ.ร่วมทำ MOU เพื่อพัฒนาศึกษาวิจัยต่อยอดสายพันธุ์ที่เหมาะสมในบริบทประเทศโดยเฉพาะการใช้ในครัวเรือน และทางการแพทย์หรือวัตถุประสงค์อื่นๆ

โดยมีการดำเนินการอื่นๆ คือ 1.ศึกษาทดลองวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์กัญชากัญชงให้เหมาะสมบริบทประเทศไทย ซึ่งตอนนี้เรามี 10 สายพันธุ์เป็นพันธุ์ไทยทั้งหมด เราส่งเสริมพันธุ์ไทย ปลูกได้เองเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ขยายพันธุ์ต่อได้เองตามที่จดแจ้งไว้

2.สนับสนุนสมาชิกสหกรณ์การเกษตรและเกษตรกรปลูกกัญชากัญชงเพื่อการแพทย์และครัวเรือน จะเริ่มทำการผลิตกล้าพันธุ์ไม่น้อยกว่า 1 ล้านต้น ให้ประชาชนและเกษตรกรมีโอกาาสเข้าถึงกล้าพันธุ์ที่ดี เป็นประโยชน์และเหมาะสมตามภูมิประเทศของไทย

และ 3.การถ่ายทอดเทคโนโลยีและสนับสนุนให้สมาชิกสหกรณ์ปลูกกัญชากัญชงในมาตรฐานการเกษตรที่ดี (GAP) จะสร้างการรับรู้และฝึกอบรมประชาชนและเกษตรกร

เมื่อถามถึงการเข้าถึงต้นกล้า 1 ล้านต้น นายระพีภัทร์ กล่าวว่า กรมวิชาการเกษตรเตรียมวิธีและแนวทางการขยายเพาะกล้าพันธุ์กัญชากัญชง 1 ล้านต้น โดยใช้แล็บวิจัยและศูนย์ทดลองของกรมวิชาการเกษตร ที่มี 26 ศูนย์ทั่วประเทศ ซึ่งหากการเตรียมการตั้งแต่วันนี้เชื่อว่าจะสามารถทยอยปลูกกล้ากัญชากัญชงและแจกให้เกษตรกรหรือประชาชนได้แน่นอน

นายระพีภัทร์ กล่าวอีกว่า จะเริ่มแจก 1 พันต้นในงานมหกรรม “360 องศา ปลดล็อกกัญชาประชาชนได้อะไร” ในวันที่ 10-12 มิ.ย. 2565 ส่วนแต่ละเดือนจะทยอยแจกกี่แสนต้นอยู่ระหว่างเตรียมดำเนินการจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมภายหลัง ส่วนประชาชนที่จะรับพันธุ์กล้า จะมีการขึ้นทะเบียนผ่านกลไกของจังหวัด อบจ. อบต. ซึ่ง สธ.มีการพัฒนาแอปพลิเคชัน “ปลูกกัญชา” เป็นการลงทะเบียน เพื่อความร่วมมือต่อไปในการทำฐานข้อมูลผู้ใช้ผู้ผลิตผู้ปลูกในรูปแบบออนไลน์

เมื่อถามต่อว่า หากออก พ.ร.บ.ไม่ทัน จะมีแนวทางควบคุมดูแลอย่างไร นพ.เกียรติภูมิ ล่าวว่า สธ.มี พ.ร.บ.หลายฉบับที่สามารถป้องปรามการนำไปใช้ในทางที่ไม่เกิดประโยน์และสันทนาการได้ ซึ่งมีการประชุม 2 ครั้ง แต่ยังไม่ได้สรุปว่าจะออกเป็นระเบียบหรือกฎกระทรวงหรือแบบใด ตามฐานอำนาจแต่ละกฎหมาย แต่มีที่จะควบคุมการใช้ในทางไม่เป็นประโยชน์แน่ จนกว่าจะมี พ.ร.บ.ออกมา

“อย่างการนำมามวนเสพสูบ ทำให้เกิดกลิ่นควัน ก็ใช้เรื่องเหตุรำคาญ ตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ. 2535 หรือเรื่อง พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ ซึ่งจะพูดถึงบุหรี่และนิโคติน ก็จะพิจารณาว่าจะมีการขยายเพื่รองรับตรงนี้ได้หรือไม่” นพ.เกียรติภูมิ กล่าว

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ