5 สถิติที่รอให้ "คริสเตียโน โรนัลโด" ทำลายในศึกยูโร 2020

Home » 5 สถิติที่รอให้ "คริสเตียโน โรนัลโด" ทำลายในศึกยูโร 2020

แม้จะมีอายุอานามอยู่ในช่วงบั้นปลายของอาชีพค้าแข้งในวัย 36 ปีแล้ว แต่ คริสเตียโน โรนัลโด กัปตันทีมชาติโปรตุเกส ยังคงเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลระดับเบอร์ต้นๆของโลกเหมือนเดิม และพร้อมนำทีมบ้านเกิดโชว์ฝีเท้าในศึกลูกหนังชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ครั้งที่ 16 หรือที่เรียกกันว่า ยูโร 2020 อย่างแน่นอน ด้วยการลุ้นนำบ้านเกิดป้องกันบัลลังก์ “แชมป์ยุโรป” เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน จากการเข้าป้ายเบอร์หนึ่งของทวีปในศึกยูโร 2016 นั่นเอง

นอกจากนี้ โรนัลโด ยังมีโอกาสลุ้นจารึกชื่อเป็นเจ้าของสถิติต่างๆในศึกยูโร รวมถึงในวงการลูกหนังโลกอีกด้วย แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องงัดฟอร์มเก่งออกมาโชว์ในศึกยูโร 2020 ให้ได้เสียก่อน เพื่อที่จะได้บรรลุเป้าหมายในการทุบสถิตินั้นๆ โดยมีอย่างน้อยถึง 5 สถิติที่รอให้ดาวเตะวัย 36 ปีไล่ทำลายเพื่อยึดครองมาเป็นชื่อของตัวเองดังต่อไปนี้เลย
xเริ่มต้นกันด้วย สถิตินักเตะที่ได้เข้าร่วมฟาดแข้งรอบสุดท้ายในศึกยูโรมากที่สุด โดยตอนนี้ โรนัลโด ผ่านการลงสนามในรอบสุดท้ายมาแล้วทั้งหมด 4 ครั้ง ไล่ตั้งแต่ตอนที่แจ้งเกิดในศึกยูโร 2004 และต่อด้วยยูโร 2008, ยูโร 2012 เรื่อยมาจนถึงตอนที่คว้าแชมป์ยูโร 2016 แต่ยังตามหลัง อิเกร์ กาซิยาส อดีตผู้รักษาประตูทีมชาติสเปนเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น เนื่องจากตำนานจอมหนึบแดนกระทิงดุเคยมีรายชื่อติดโผไปรับใช้บ้านเกิดในทัวร์นาเมนต์นี้ทั้งหมดถึง 5 ครั้ง ไล่ตั้งแต่ในศึกยูโร 2000, ยูโร 2004, ยูโร 2008, ยูโร 2012, ยูโร 2016 แต่ในศึกยูโร 2000 และยูโร 2016 เป็นเพียงตัวสำรองไม่ได้ลงสนามไปยืนเฝ้าเสาแม้แต่นัดเดียว ดังนั้น โรนัลโด จึงมีโอกาสสถาปนาตัวเองเป็นตัวเองเป็นนักเตะที่ได้ลงเล่นรอบสุดท้ายในศึกยูโรมากที่สุดไปเลย หากได้ลงสนามในศึกยูโร 2020 อีกแค่ 1 เกมก็เพียงพอแล้ว
eไปต่อกันด้วย สถิตินักเตะที่ยิงประตูในรอบสุดท้ายของศึกยูโรได้มากที่สุด ซึ่งตอนนี้มีอยู่ 2 คนที่รั้งอันดับ 1 จากการสอยตาข่ายได้ 9 ลูกเท่ากันพอดี เริ่มต้นกันด้วย มิเชล พลาตินี ตำนานจอมทัพทีมชาติฝรั่งเศส เจ้าของฉายา “นโปเลียนลูกหนัง” โดยซัลโวได้ทั้งหมดจากการลงเล่นในศึกยูโร 1984 เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ส่วนอีกรายคือ โรนัลโด จากการลงเล่นทั้งหมด 4 ครั้ง แบ่งออกเป็น 2 ประตูในศึกยูโร 2004, 1 ประตูในศึกยูโร 2008, 3 ประตูในศึกยูโร 2012 และ 3 ประตูในศึกยูโร 2016 ดังนั้น โรนัลโด้ จึงมีโอกาสยึดสถิตินี้แบบเดี่ยวๆไปเลย หากยิงประตูในศึกยูโร 2020 ได้อีกเพียง 1 ประตูเท่านั้น
wด้านสถิติ นักเตะที่ทำ “แอสซิสต์” จ่ายบอลให้เพื่อนร่วมทีมยิงประตูในรอบสุดท้ายของศึกยูโรได้มากที่สุด ตอนนี้ยังคงเป็นของ คาเรล โพบอร์สกี อดีตปีกทีมชาติสาธารณรัฐเช็ก โดยจัดไปได้ 8 แอสซิสต์จากการลงเล่นในรอบสุดท้ายทั้งหมด 3 ครั้ง ไล่ตั้งแต่ในศึกยูโร 1996, ยูโร 2000 และยูโร 2004 ส่วนนักเตะที่ตามมาเป็นอันดับ 2 นั่นก็คือ โรนัลโด จัดไปได้แล้ว 6 แอสซิสต์จากการลงเล่นในรอบสุดท้ายทั้งหมด 4 ครั้ง นับตั้งแต่ยูโร 2004 จนถึงยูโร 2016 ดังนั้น โรนัลโด จึงมีโอกาสแซงขึ้นไปยึดสถิตินี้ได้เหมือนกัน หากสามารถจ่ายบอลให้เพื่อนร่วมทีมสอยตาข่ายในศึกยูโร 2020 ได้อีกสัก 3 แอสซิสต์
qส่วนอีกหนึ่งสถิติที่มีลุ้นทำลายได้เหมือนกันนั่นก็คือ นักเตะอายุมากสุดที่ยิงประตูได้ในรอบชิงชนะเลิศ โดยตอนนี้ แบรนด์ โฮลเซนไบน์ ยังคงครองสถิตินี้ตั้งแต่สมัยที่ประเทศเยอรมนีถูกแยกออกเป็น 2 ชาติ โดยจัดการซัลโวให้ เยอรมันตะวันตก ไล่ตีเสมอ เชโกสโลวะเกีย 1-1 ในศึกยูโร 1976 ด้วยวัย 30 ปี 103 วัน ก่อนจะเป็นฝ่ายแพ้ในช่วงดวลจุดโทษตัดสิน ดังนั้น โรนัลโด จึงมีโอกาสยึดสถิตินี้ได้เหมือนกัน เพราะตอนนี้มีอายุมากถึง 36 ปีแล้วนั่นเอง แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องนำผ่านเข้าถึงนัดชิงยูโร 2020 ให้ได้เสียก่อน
sปิดท้ายด้วย สถิตินักเตะที่ยิงประตูในเกมระดับทีมชาติได้มากสุดในโลก โดยตอนนี้ อาลี ดาอี ตำนานกองหน้าทีมชาติอิหร่านยังคงครองอันดับ 1 จากการซัลโวให้บ้านเกิดในช่วงระหว่างปี 1993-2006 ได้ทั้งหมด 109 ประตู ตามหลังด้วยอันดับ 2 นั่นก็คือ โรนัลโด จากการสอยตาข่ายให้ทีมชาติโปรตุเกสไปแล้วทั้งหมด 103 ประตู ดังนั้น ดาวเตะชาวโปรตุกีสจึงมีโอกาสทุบสถิตินี้ในศึกยูโร 2020 ได้เลย แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องยิงประตูให้ได้มากถึง 6 ลูกเลยทีเดียว

หลังจากนี้ รอติดตามกันต่อไปว่า โรนัลโด จะสามารถไว้ลายด้วยการไล่ทุบทั้ง 5 สถิติดังกล่าวในศึกยูโร 2020 ได้หรือไม่

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ