2ปียึดอำนาจ เมียนมายังมืดมน-ตะวันตกคว่ำบาตรซ้ำอีก

2ปียึดอำนาจ – วันที่ 1 ก.พ. เอเอฟพีรายงานบรรยากาศวันครบรอบ 2 ปี การก่อรัฐประหารโดยกองทัพเมียนมา (พม่า) ว่าเต็มไปด้วยความเงียบงันตลอดวัน โดยตามท้องถนนของนครย่างกุ้งและเมืองใหญ่ทั่วประเทศนั้นแทบไม่มีชาวพม่าออกมาจากบ้านเรือน เช่นเดียวกันกับร้านค้าที่ปิดให้บริการเพื่อประท้วงการยึดอำนาจการปกครองของพลเอกอาวุโส มิน อ่องไหล่ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด

การประท้วงด้วยความเงียบงันของชาวพม่าเกิดขึ้นท่ามกลางกระแสการคาดการณ์ว่ากองทัพพม่าอาจขยายการประกาศใช้อำนาจบริหารในสถานการณ์ฉุกเฉินและเลื่อนการจัดการเลือกตั้งออกไป ขณะที่ทางการสหรัฐอเมริกา อังกฤษ แคนาดา และออสเตรเลีย ประกาศยกระดับมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อเผด็จการทหารพม่าอีกครั้ง

การประท้วงเผด็จการทหารพม่าที่สถานเอกอัครราชทูตพม่าประจำกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อ 1 ก.พ. (รอยเตอร์)

มาตรการคว่ำบาตรดังกล่าวพุ่งเป้าไปที่กลุ่มเผด็จการทหารพม่าและกลุ่มทุนที่มีความเกี่ยวโยงสนับสนุนทางการเงิน ในจำนวนนี้ รวมถึงเอกชนที่จำหน่ายเชื้อเพลิงให้กับเครื่องบินรบของกองทัพพม่าศึ่งถูกใช้ในการโจมตีทางอากาศเพื่อรักษาอำนาจของตัวเองเอาไว้ให้จงได้

ขณะที่ออสเตรเลียประกาศใช้มาตรการลงโทษเผด็จการทหารพม่าเป็นครั้งแรก โดยพุ่งเป้าไปที่สมาชิกระดับสูง 16 คน

ความเงียบงันเกิดขึ้นหลังบรรดานักเคลื่อนไหวต่อต้านเผด็จการทหารพม่าเรียกร้องให้ประชาชนชาวพม่าที่ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหารพากันปิดร้านและเก็บตัวอยู่ภายในบ้านของตัวเองระหว่าง 10.00 น. ถึง 16.00 น. ทั่วประเทศ เพื่อแสดงจุดยืนต่อต้านการยึดอำนาจของพลเอกอาวุโสมิน

การประท้วงเผด็จการทหารพม่าที่สถานเอกอัครราชทูตพม่าประจำกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย เมื่อ 1 ก.พ. (รอยเตอร์)

ขณะที่ช่วงเย็นชาวพม่าเตรียมจัดกิจกรรมเดินขบวนประท้วงที่นครย่างกุ้ง ส่วนสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ระบุว่า พบความเคลื่อนไหวต่อต้านเผด็จการทหารพม่าและความรุนแรงเพิ่มขึ้นในช่วงหลายวันที่ผ่านมาก่อนถึงวันครบรอบ 2 ปี ของการยึดอำนาจข้างต้น นอกจากนี้ ยังมีผู้ประท้วงประมาณ 300 คน ชุมนุมประท้วงที่สถานเอกอัครราชทูตพม่าในกรุงเทพมหานครด้วย

ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญมองว่า หากมีการเลือกตั้งขึ้นในปีนี้ตามที่เผด็จการทหารพม่าสัญญาไว้ ชาวพม่าส่วนใหญ่จะไม่ได้เดินทางไปเข้าคูหาลงคะแนน เนื่องจากความรุนแรงจากการต่อสู้ระหว่างกองทัพพม่าและฝ่ายต่อต้านที่ยังเกิดขึ้นทั่วประเทศ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2,900 ราย ถูกจับกุมกว่า 18,000 คนแล้ว ส่วนผู้ที่เดินทางไปลงคะแนนนั้นก็อาจถูกกองทัพพม่าลงโทษได้