ป.ป.ช.ฟัน 2 พ่อลูก‘สุนทร-กนกวรรณ’ คดีรุกป่าเขาใหญ่ ฐานหนุนจนท.รัฐออกโฉนดมิชอบ ส่งศาลฎีกาเพิกถอน รมช.ศึกษาธิการ ผิดจริยธรรมร้ายแรง ซ้ำรอยปารีณา
วันที่ 9 มิ.ย.2565 รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แจ้งว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติชี้มูลนายสุนทร วิลาวัลย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี และนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ และแกนนำพรรคภูมิใจไทย กับพวก กรณีบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ในเขต จ.ปราจีนบุรี
โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ชี้มูลเจ้าหน้าที่รัฐจำนวนหลายคนที่เกี่ยวข้องกับการออกโฉนดที่ดิน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ ซึ่งอัตราโทษสูงสุดคือ จำคุกตลอดชีวิต ขณะเดียวกัน คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ชี้มูลนายสุนทร และน.ส.กนกวรรณ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 86 ฐานสนับสนุนการกระทำความผิด
โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้สำนวนไปยังอัยการสูงสุดแล้วเพื่อให้พิจารณาส่งฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ
คณะกรรมการ ป.ป.ช.ยังมีมติชี้มูลความผิด นางกนกวรรณ ฐานฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงจากกรณีดังกล่าวด้วย เนื่องจากดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี โดยในส่วนของโทษฝ่าฝืนจริยธรรมนั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช.จะส่งศาลฎีกาพิจารณาเพิกถอนออกจากตำแหน่งด้วย
รายงานข่าวจากสำนักงาน ป.ป.ช.แจ้งอีกว่า กรณีของนางกนกวรรณ เมื่อส่งไปยังศาลฎีกาแล้ว หากศาลฎีกาประทับรับฟ้อง ศาลจะเป็นผู้พิจารณาว่าจะต้องให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ทันทีหรือไม่ ซึ่งจะคล้ายกับคดีของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อต้นปี 63 ชุดปฏิบัติการศูนย์การประสานการปฏิบัติ (ศปป.) ที่ 4 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ภายใต้การอำนวยการของอธิบดีกรมป่าไม้ ได้รับแจ้งว่ามีการนำรถแบ็กโฮ 3 คัน เข้าไปขุดปรับพื้นที่บนเนินเขาและใช้รถดันต้นไม้ล้มเป็นบริเวณกว้าง ซึ่งบริเวณที่เกิดเหตุอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.ปราจีนบุรี และจากการตรวจสอบตำแหน่งที่ตั้งของโฉนดที่ดินมีชื่อของนายสุนทรและน.ส.กนกวรรณเป็นผู้ครอบครอง
จากนั้นเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ ข้อหาบุกรุกอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น เข้ายึดถือครองป่าเพื่อตนเอง และทำให้เสื่อมสภาพ ก่อนที่ต่อมาจะมีการส่งเรื่องมาให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบต่อ เนื่องจากเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่รัฐและผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง