ไมค์ ภิรมย์พร ภูมิใจลูกสาวประสบความสำเร็จ บินไปเยี่ยมที่แคนาดา พร้อมเลี้ยงหลาน

Home » ไมค์ ภิรมย์พร ภูมิใจลูกสาวประสบความสำเร็จ บินไปเยี่ยมที่แคนาดา พร้อมเลี้ยงหลาน



ไมค์ ภิรมย์พร ภูมิใจลูกสาวประสบความสำเร็จที่ต่างแดน บินไปเยี่ยมที่แคนาดา เผย น้องเมย์ ลูกคนโต ชีวิตหลังแต่งงานอบอุ่น พร้อมเป็นคุณตาเลี้ยงหลาน

ถือโอกาสเคลียร์คิวงานหาวันว่าง บินไปเซอร์ไพรส์ลูกสาวที่ประเทศแคนาดา สำหรับ นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง ไมค์ ภิรมย์พร ที่อยากเห็นชีวิตหลังแต่งงานของ น้องเมย์ ลูกสาวคนโต มีความสุขในชีวิตคู่ ทำเอาแฟนคลับยิ้มตามภาพความน่ารักระหว่าง พ่อตากับลูกเขย หัวอกคนเป็นพ่อสุดภูมิใจที่เห็นลูกประสบความสำเร็จทั้งหน้าที่การงานและมีครอบครัวอบอุ่น พร้อมเป็นคุณตาเลี้ยงหลานแล้ว

ล่าสุดวันนี้ ไมค์ ภิรมย์พร ที่มาร่วมบวงสรวงละคร ดอกหญ้าป่าคอนกรีต ณ แอ็กซ์ สตูดิโอ ปทุมธานี ได้เผยถึงผลงานการแสดงเรื่องล่าสุด ซึ่งตรงกับชีวิตจริงสมัยก่อน จะมาถึงวันนี้ เคยเป็นผู้ใช้แรงงาน จากบ้านเกิดมาสู้ชีวิตตามหาฝัน ทำหลากหลายอาชีพ พร้อมกันนี้ยังอัพเดตชีวิตหลังแต่งงานของลูกสาวคนโต ลูกสาวคนกลางประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน และคนเล็กกำลังเรียนต่อตามรอยพี่ๆ งานนี้คนเป็นพ่อภูมิใจไม่น้อย ที่เห็นลูกๆ ใช้ชีวิตที่ต่างแดนได้เป็นอย่างดี

คาแร็กเตอร์ตรงกับชีวิตตัวเองสมัยก่อนเลย? “ดอกหญ้าป่าคอนกรีต เป็นละครที่ตีแผ่เรื่องของสังคมคนต่างจังหวัดที่มาขายแรงงานในกรุงเทพฯ ซึ่งตรงกับเรื่องราวชีวิตของผมด้วยส่วนหนึ่ง ก่อนที่จะเดินทางมาถึงจุดนี้ เราเองก็เคยใช้ชีวิตเป็นผู้ใช้แรงงานมาก่อน ทำหลากหลายอาชีพเหมือนกับในละครเรื่องนี้ เป็นกรรมกร เป็นรปภ. ตีแผ่ให้เห็นว่าคนต่างจังหวัดในปัจจุบันก็ยังมีเรื่องราวชีวิตในการต่อสู้ ดำเนินชีวิตเพื่อเอาตัวรอดในสังคม เก็บเงินเก็บทองส่งไปให้พ่อแม่ ดูแลทางบ้าน เหมือนเป็นภาระหน้าที่ที่ตัวเองต้องรับผิดชอบครอบครัวพ่อแม่ที่อยู่ต่างจังหวัด”

อ่านบทแล้วตัดสินใจรับเลย? “หลังจากเรื่อง สูตรลับแซ่บอีหลี จบไป พูดตรงๆ ว่าเราไม่ใช่นักแสดงอาชีพ เมื่อผู้ใหญ่ให้โอกาสมาทำงาน ก็คิดว่าทำเท่าที่ความสามารถเราทำได้ แล้วผู้ใหญ่ชื่นชอบ ส่วนตัวเราเองถามว่าเล่นละครเป็นยังไง แรกๆ เราก็ไม่มั่นใจหรอกว่าเราเล่นได้มั้ย แต่พอเล่นไปผู้กำกับฯ บอกว่าได้นะพี่ แล้วพอมาเรื่องนี้มันเป็นบทชีวิตที่ตรงกับเรื่องราวของผมอยู่แล้ว ผมคิดว่ามันไม่ได้ยากเกินความสามารถของเรา”

นอกจากรอฟังผลงานเพลงแล้ว แฟนเพลงยังคิดถึงผลงานละครของพี่ไมค์ด้วย? “เรื่องเพลงอาจจะไม่ค่อยบ่อย มีให้ฟังบ้างแต่ไม่ได้ถี่เหมือนเมื่อก่อน แต่ว่าจะมีเพลงในละครด้วย เป็นเพลงที่มีความหมายดีมาก ชื่อเพลง คิดฮอด พูดถึงคนต่างจังหวัดสู้ชีวิต ในเมื่อตัดสินใจเดินทางจากบ้านเกิดมาแล้ว เรามีฝันอยากจะไปให้ถึง อย่าเดินกลับหลังด้วยมือเปล่า ต้องมีความมุ่งมั่นแน่วแน่ มาอยู่ในเมืองหลวงก็จริง แต่ความผูกพันห่วงใย ความรัก ความกตัญญูต่อพ่อแม่มีตลอดเวลา ไม่เคยลืมเลือน ถ้าประสบความสำเร็จเมื่อไหร่ จะเอาความสำเร็จนั้นไปให้พ่อแม่ได้เห็น นี่เป็นเรื่องราวของการสู้ชีวิตครับ (ทำให้คิดถึงย้อนกลับไปตอนออกอัลบั้มแรกเลยไหม?) ใช่ครับ เพลงนี้สื่อถึงคนสู้ชีวิต คนต่างจังหวัด ความหมายดีมาก เพลงคิดฮอด คนที่เขียนก็คือ อ.ต๊ะ คนที่แต่งเพลง กลับคำสาหล่า คนนี้เขียนเพลงดีมาก”

อย่างงานของเรา มีวางแผนเกษียณมั้ย? “แพลนเรื่องเกษียณ งานคอนเสิร์ตอาจจะไม่ค่อยได้รับแล้ว ถ้าจะไปอาจจะมีบ้างเล็กน้อย อยู่ที่บริษัทถ้าผู้ใหญ่จัดคอนเสิร์ต เราก็อยากจะแพลนว่ามีคอนเสิร์ตให้น้อยเพราะเหนื่อยจากการเดินทาง เราอายุมากแล้วส่วนหนึ่งเราก็มาดูแลธุรกิจของเราด้วย”

ล่าสุดบินไปเซอร์ไพรส์ลูกสาวที่แคนาดาเป็นยังไงบ้าง? “เดินทางไปวันที่ 9 พ.ค. ได้ไปผ่อนคลาย เมืองไทยร้อน พอไปถึงที่นู่นเจอบรรยากาศเย็นสบาย มันตื่นตาตื่นใจ ไปดูลูกสาว ไปพูดคุยได้ดูความเป็นอยู่เขา ทำอาหารกินด้วยกัน เราก็บอกลูกว่าอาจจะไปเยี่ยมปีละ 1-2 ครั้ง อยู่ที่โอกาส ถ้าเราว่างก็อยากจะไป หลังจากที่ลูกสาวคนโตเขาแต่งงานไปแล้ว เราก็อยากไปดูว่าความเป็นอยู่เขาเป็นยังไง พอมีครอบครัวแล้ว ลูกก็ต้องทำงานรับผิดชอบหนักขึ้น เพราะว่าแฟนเขามีร้านอาหาร ดูทั้งร้านอาหารและเรื่องงานส่วนตัวของตัวเอง เขาทำงานบริษัทด้วย ถามว่าเป็นไงลูก เหนื่อยมั้ย เขาบอกไม่เป็นไรพ่อ สบายๆ เขาใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นชินแล้ว”

 

“พอเขาแต่งงาน ตอนแรกก็ยังไม่ได้มีแพลนว่าจะไปแคนาดา คืองานเรามีทั้งหนังละครด้วย ก็คิดว่ามีช่วงนี้ยังพอมีเวลา เลยคุยกับทางกองละคร ขอไปหาลูกสาวหน่อย เลยเลือกไปแค่ 9 วัน ตัดสินใจไปเลย อีกอย่างคือลูกสาวคนเล็กเขาปิดเทอม ตอนแรกจะไปดูว่าเขาปิดเทอมแล้วอยากให้เขาได้ไปฝึกงานทำงานกับพี่สาว เขาบอกว่าป๊างั้นขอกลับมาไทยก่อนสักเดือน 2 เดือน ก็เลยได้ คนที่สองก็ขอหยุดงานที่บริษัทเพื่อกลับมาดูแลเรื่องของอินทีเรียบ้านที่จะปลูกไว้อุดรฯ ให้เขาเป็นคนเลือกพวกวัสดุต่างๆ ก็ขอกลับมาเดือนนึง จะมาก็มา คืออยากให้เขาเรียนรู้การใช้ชีวิตการทำงานการรับผิดชอบตัวเอง ให้เขาพักผ่อนสมองเดือนสองเดือนแล้วค่อยส่งเขาไปอยู่กับพี่สาวในขณะที่เขายังไม่เปิดเทอม ให้เขาทำงานเองเก็บเงินเอง เรียนรู้เองมันจะต้องเอาตัวรอดยังไง เพราะในยุคพี่สาวเขาบุกเบิกมา เขาก็ลำบาก คนเล็กไม่ใช่ว่าโตมาในยุคที่หนูสบาย ไม่ทำอะไรเลยไม่ได้ ต้องให้เขาได้ฝึกได้ทำ”

ตอนนี้เป็นห่วงลูกคนเล็กมากกว่า? “ยังมีลูกสาวคนเล็กที่เรียนอยู่ที่นั่น อยากให้เขาเรียนไปจนกว่าเขาจะบอกว่าไม่ไหว คือตั้งใจอยากให้เขาจบปริญญาโท แต่ไม่รู้ว่าเขาจะกล้าสู้ต่อไปถึงนั้นหรือเปล่า ห่วงลูกคนเล็กมากกว่า เพราะดูจากพฤติกรรมของเขา เขาโลกส่วนตัวสูง และค่อนข้างไม่ค่อยมั่นใจในบางอย่าง ก็เลยพยายามให้เขาได้ทำอะไรที่เขามั่นใจในตัวเองและเรียนรู้ ถึงบอกให้เขาฝึกทักษะในเรื่องของการดำรงชีวิตของเขาเอง ถึงบอกต้องทำงาน ต้องรับผิดชอบหน้าที่และเวลาให้เขาได้เรียนรู้ ไม่งั้นเขาก็จะไม่โต ก็กังวลอยู่”

ลูกสาวทั้งสามอยู่ต่างแดนหมดเราเป็นห่วงไหม? “ก็ไม่ค่อยห่วงนะ เพราะตั้งแต่เขาไปเรียน ตั้งแต่คนโต คนที่สองเขาต่อสู้เอง ประสบการณ์เขาผ่านมา คือต้องยอมรับว่าไม่คิดว่าลูกจะเก่งขนาดนี้ ภูมิใจที่ตัดสินใจส่งลูกไปเรียนขณะนั้น แล้วเขามาถึงจุดนี้ได้ โอ้โห ยังงงกับเรื่องของการดำรงชีวิตของเขาเลย เขาทำได้ยังไง แล้วเราทำได้ยังไงด้วย ก็ถือว่าภูมิใจ (ยิ้ม) และไม่เคยเรียกร้องอยากได้อะไรตอบแทนจากลูกเลย เห็นเขาประสบความสำเร็จการศึกษา ประสบความสำเร็จกับหน้าที่การงานเขาก็ถือว่าดีใจแล้ว ภูมิใจมาก

ลูกคนแรกมีครอบครัวแล้ว คนที่สองก็ประสบความสำเร็จกับงาน? “คนโตตั้งแต่จบมาเขาก็ทำงานอยู่กับบริษัทนี้ แล้วบริษัทดูแล โชคดีที่บอสเขาเชื่อใจให้ตำแหน่งงานใหม่มาถือว่าเป็นผู้บริหารระดับหนึ่ง แล้วค่าตอบแทนก็ถือว่าสูงขึ้น เขาเชื่อใจให้ลูกสาวดูแลเรื่องบัญชีในบริษัทซึ่งมันตรงกับที่เขาเรียนมา คนที่สองจบบริหารธุรกิจ ตอนแรกเขาทำงานเกี่ยวกับบริษัทปลูกบ้านที่ตกแต่งบ้านจัดสรรที่แคนาดา หลังจากนั้นเขาก็สมัครกับบริษัทไฟแนนซ์เชียล มาได้ 2-3 ปี เริ่มได้ประสบการณ์ ล่าสุดเขาก็เพิ่งไปสอบ คือทางบอสบริษัทแนะนำให้ไปสอบเป็นโบรกเกอร์ เขาไปสอบครั้งแรกโทรมาบอกพ่อหนูอ่านหนังสือเยอะมาก มันยาก ครั้งแรกก็ไม่คิดจะผ่าน มันผ่านเดินทางมาถึงจุดนี้แล้วก็สอบเพิ่ม อ่านหนังสือไปสอบครั้งที่ 2 ผ่านแล้วได้ไลน์เซนส์แล้ว ได้เป็นโบรกเกอร์เต็มตัว ทางบอสที่บริษัทไปตั้งบริษัทใหม่ เขาก็ให้ลูกสาวติดตาม เหลืออีก 90 ที่ต้องไปฝึกจิตสำนึกในการดูแลเรื่องของการบริหารเงินจากนักลงทุนที่มีจำนวนมาก ถือว่าเป็นข่าวดีที่ลูกตั้งใจอยากทำ”

แล้วมีแพลนจะย้ายไปอยู่กับลูกที่นู่นไหม? “ลืมบอกไปว่าคนโตทั้งสองคนสอบ PR ได้สองคน เป็นเหมือนกับว่าได้บัตรประชาชนของคนแคนาดา เขาก็จะมีบันทึกไว้พอหลังจากเขาอยู่ครบ 3 ปี หลังทำ PR มา อีก 2 ปีเขาก็จะไปสอบไลเซนส์ที่เป็นซิติเซ่น ก็อีก 2 ปีน่าจะได้แล้ว”

ตัวเราเองจะไปอยู่กับลูกๆ ไหม? “ก็อาจจะไปๆ มาๆ แต่ให้ลูกสาวทำเป็นซุปเปอร์วีซ่าให้ เดี๋ยวนี้แม่เขาได้ 10 ปีแล้ว ส่วนพ่อก่อนหน้านี้ได้แค่ 2 ปีต้องไปขอใหม่ เดี๋ยวลูกสาวทำเป็นซุปเปอร์วีซ่าให้จะได้อยู่ยาวๆ คราวนี้ขึ้นลงได้ตลอด”

ถ้าไปอีกครั้งก็อยู่ระยะยาว? “อาจจะช่วงหน้าร้อนไปพักอยู่ที่นู่นสักเดือนนึงหรือเดือนครึ่งเพราะต้องอยู่ที่ว่าที่นี่มีงานต้องรับผิดชอบ แต่ก็ห่วงเหมือนกัน บางทีไปห่วงที่บ้านสวน แต่ก็ต้องหาคนช่วยดูแลชดเชยแทนถ้าไปจริงๆ”

ลูกสาวคนโตก็แต่งงานแล้ว เรื่องหลานล่ะ? “ก็อยู่ที่เขา(หัวเราะ) แต่ทางแม่แฟนเขาก็บอกรีบมีนะ แม่แก่แล้วอยากเห็นเพราะเขามีลูกชายคนเดียว เขาก็อยากได้หลานเร็วๆ เราเองก็แล้วแต่เขาเลย ทางแม่สามีเขาก็บอกว่า ถ้าได้หลานเป็นผู้หญิง เขาจะเลี้ยงเอง แต่ถ้าเป็นผู้ชาย ไม่เอา ไม่อยากเลี้ยง เขาจะส่งมาให้พ่อไมค์เลี้ยง(หัวเราะ) ผมก็แล้วแต่เขาครับ ชีวิตหลังแต่งงานของลูกคนโต ก็แฮปปี้มีความสุขกันดีครับ”

พร้อมมั้ยกับการเลี้ยงหลาน? “(หัวเราะ) ครับ จริงๆ ก็ถือว่าได้ เราเองเคยผ่านชีวิตการเลี้ยงลูกมาแล้ว ถ้าเขามีจริงๆ ก็เลี้ยงได้ครับ อยู่ที่เขา เราคงบินไปๆ มาๆ ก็แพลนอยากให้เขาได้เรื่องของธุรกิจ มีธุรกิจที่โน่น ถ้าเป็นไปได้ เราก็จะดูเรื่องของธุรกิจให้ลูกสาวเขาเป็นคนอิมพอร์ตผลิตภัณฑ์ของพ่อที่อยู่เมืองไทยสามารถไปต่อยอดที่แคนาดาได้ครับ”.

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ