ใบตองแห้ง – อย่าเพิ่งเชื่อแลนด์สไลด์

Home » ใบตองแห้ง – อย่าเพิ่งเชื่อแลนด์สไลด์


ใบตองแห้ง – อย่าเพิ่งเชื่อแลนด์สไลด์

ศาลรัฐธรรมนูญไฟเขียวกฎหมายเลือกตั้ง ไม่มีปาฏิหาริย์ทางกฎหมาย สูตรหาร 100 จะทำให้เพื่อไทยแลนด์สไลด์ ตู่ ป้อม แตกเป็นรวมไทยสร้างชาติ Vs พลังประชารัฐ เสียเปรียบทั้งคู่?

คิดง่ายไป แม้แน่ละ ถ้า พปชร.ยังเป็นพรรคใหญ่จะคู่คี่สูสีเพื่อไทย แต่เก้าอี้นายกฯ ไม่ได้วัดที่ใครได้ ส.ส.อันดับหนึ่ง หากวัดที่ใครกุม 250 ส.ว. ถ้าประยุทธ์เป็นแคนดิเดตนายกฯ รวมไทยสร้างชาติ ได้ ส.ส.แค่ 25 คนก็พอ

ซึ่งเอาเข้าจริงไม่ใช่แค่ 25 หรอก ถ้า ส.ส.เชื่อว่าตู่เป็นนายกฯ ต่อ ก็จะหลั่งไหลตามเข้าพรรค โดยครั้งนี้ไม่จำเป็นต้องได้ ส.ส.มากเท่าพลังประชารัฐปี 62 ได้แค่ 50 บวกภูมิใจไทย พลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ แล้วคู่คี่สูสีกับฝ่ายค้านก็พอ

ขณะที่ฝ่ายค้าน ต้องได้ ส.ส.280 คนขึ้นไป จึงมั่นใจว่าโดนใบส้มใบแดง โดนงูเห่ากัด ฯลฯ ก็ได้เป็นรัฐบาล แม้ไม่ถึง 375 ส.ว.คงยอมให้ผ่าน (แล้วค่อยขัดขาทีหลัง)

เห็นไหมว่าวิถีทางต่างกันเยอะเลย ระหว่างกลีบกุหลาบกับหนามกุหลาบ

พรรคเพื่อไทยหุ้นขึ้น? แน่ละ “หาร 100” ทำให้พรรคใหญ่ได้เปรียบ แต่คุณต้องชนะ ส.ส.เขตก่อนจึงได้เปรียบ ถ้าได้ ส.ส.เขต 150 คน พลาดหวุดหวิดเฉียดฉิวได้ที่สอง 100 คน แม้ได้คะแนนประชาชนทั้งประเทศ 40% คุณก็ได้ ส.ส. 190 คนเท่านั้น

“หาร 100” แค่ทำให้เพื่อไทยมั่นใจว่าจะได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 30-40 คนขึ้นไป แต่ ส.ส.เขตจะได้เท่าไหร่ จากที่ได้ 136 คน ก็ต้องประจันกับภูมิใจไทย พลังประชารัฐ ซึ่งส่วนใหญ่เป็น “ขาใหญ่” เจ้าที่เจ้าทาง ในภาคเหนือ ภาคอีสาน หรือภาคกลางบางจุด ขณะที่ใน กทม.ปริมณฑล หรือเขตเมือง ก็ถูกก้าวไกลจ่อหลัง

ที่แน่ๆ ก้าวไกลได้ ส.ส.ลดลง เพราะวิถีก้าวไกลจะชนะ ส.ส.เขตได้น้อยมาก แม้อาจได้คะแนนทั้งประเทศ 20% ก็อาจได้ ส.ส.เขต 20+ ปาร์ตี้ลิสต์ 20=40 คน เป็นอย่างเก่ง เช่นเดียวกับเสรีรวมไทย ที่อาจได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์แค่ 2-3 คน

“หาร 100” กับ “หาร 500” ต่างก็มีข้อดีข้อเสีย “หาร 500” ถ้าเป็น MMP แบบเยอรมัน จะทำให้ได้ ส.ส.ตามสัดส่วนที่ประชาชนเลือกอย่างเป็นธรรม (เช่นมีคนเลือก 25% พรรคนั้นก็ได้ ส.ส.125 คน) เพียงแต่ “หาร 500” ถูกทำให้เข็ดขยาดติดภาพลบเพราะรัฐธรรมนูญมีชัย ใช้บัตรใบเดียว และไม่มีเปอร์เซ็นต์ขั้นต่ำ ซ้ำยังใช้สูตรคำนวณบิดเบือนจนพรรคเศษได้เต็มคน

ว่าที่จริง MMP อาจดีกว่าด้วยซ้ำในสังคมไทย ซึ่ง “บ้านใหญ่” ระบบอุปถัมภ์ยึดครอง ส.ส.เขต Winner Takes All คนที่เหลือ 30-40% ในแต่ละเขตเลือกตั้ง คนชั้นกลางที่ไม่ต้องการ ส.ส.งานศพงานบวช ไม่สามารถมี ส.ส.ของตัวเองตามสัดส่วน

การที่กฎหมายเลือกตั้งผ่าน แล้วบอกว่าฝ่ายค้านจะชนะ เพื่อไทยหุ้นขึ้นหรือได้เปรียบ จึงเร็วไป เพื่อไทยต้องชนะ ส.ส.เขต 200 คนขึ้นไป จึงเรียกว่า “แลนด์สไลด์”

อย่าประมาทรวมไทยสร้างชาติ พลังประชารัฐ โดยเฉพาะภูมิใจไทย ซึ่งกลายเป็นพรรคบ้านใหญ่อุปถัมภ์อันดับหนึ่ง “บุรีรัมย์โมเดล” กระสุนไม่อั้น+กระแสกัญชา ระบบบริหารจัดการแบบการเมืองเก่าเว้ากันซื่อๆ ใครได้ ส.ส.ตามโควตาก็ได้เก้าอี้รัฐมนตรี

การแยกทาง ตู่-ป้อม รทสช. พปชร. มองตามความเป็นจริง ไม่ใช่ 3 ป.แตกหัก แม้ขัดแย้งกันจริง และไม่ใช่ “แยกกันเดิน รวมกันตี” อยู่ดีๆ จะแยกทำไม

นี่เป็นการแยกตามความเป็นจริงที่อยู่ด้วยกันได้ยาก แยกตามธรรมชาติ และแยกตามตลาด ตามจุดขาย เปรียบเทียบง่ายๆ แยกพรรค “ขายอุดมการณ์รักลุง” ออกจากพรรค “สามัคคีธรรม“

ประยุทธ์+พลังประชารัฐ ขายไม่ได้ แต่ตัวประยุทธ์ยังขายได้ ในบางพื้นที่ ในคนบางกลุ่ม ขณะที่ ส.ส.พลังประชารัฐบางพื้นที่ ลำพังตัวชนะสบายๆ แต่ถ้าขายประยุทธ์เป็นนายกฯ อาจสอบตกได้

4 ปีเป็นรัฐบาล ส.ส.พปชร.ยังไม่พอใจ ได้โควตารัฐมนตรีน้อยมาก ประยุทธ์เอาโควตาตัวเองมาทับ จึงต้องแยกพรรค ให้พลังประชารัฐเป็นพรรคการเมืองเก่าระบบอุปถัมภ์ คล้ายภูมิใจไทย โดยมี “ป้อม” เป็นท่อน้ำเลี้ยง ให้น้ำนม

รวมไทยสร้างชาติแยกไปเป็นพรรคอุดมการณ์รักลุง สำหรับคนใต้ หรือคนชั้นกลางอนุรักษนิยม “คนดีย์” ซึ่งดัดจริตรับไม่ได้ “ป้อม-แป้ง” นักการเมืองพลังประชารัฐ มองว่าพวกนี้ฉุดประยุทธ์ลงต่ำ ทำรัฐบาลล้มเหลว ต้องแยกประยุทธ์ออกจากนักการเมืองเลว ตั้งพรรคใหม่ที่ดูใสสะอาดกว่ามารองรับ เพื่อพิทักษ์ศรัทธา หลังเลือกตั้งได้ ส.ส.สัก 50-60 คน ก็อาศัยความได้เปรียบที่มี 250 ส.ว. ดึงภูมิใจไทย พลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ ร่วมรัฐบาล

นี่เป็นโมเดลดัดแปลงจากยุคเปรม “คนดีปกครองบ้านเมือง” เป็นนายกฯ คนกลางคุมนักการเมืองเลว เพียงแต่ยุคนี้ต้องมีพรรคการเมืองของตัวเอง

เสียดายว่าโมเดลนี้ต้องได้ ส.ส.เกิน 25 คน เพื่อความมั่นใจเลยต้องพาเสี่ยเฮ้งไปด้วย นี่ถ้าต้องดูด ส.ส.อีกหลายสิบคนจะโพนทะนาเป็นพรรคใหม่ใสสะอาดได้อย่างไร

กระนั้นหากดูในภาพรวมก็ประมาทไม่ได้ การแยกพรรคมีบางจุดอ่อนลงแต่บางจุดแข็งขึ้น

อย่าเพิ่งเชื่อแลนด์สไลด์ เดี๋ยวประมาท เพื่อไทยต้องได้ ส.ส.เขต 200 คนขึ้นไป ปาร์ตี้ลิสต์ 40 ก้าวไกล 20 ปาร์ตี้ลิสต์ 20 รวมพรรคอื่น 280-290 จึงมั่นใจว่าได้เป็นรัฐบาล

ซึ่งไม่ง่ายนะครับ

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ