โพลหอการค้า ชี้เลือกตั้งครั้งนี้มีจุดเปลี่ยน คนแคร์ปัญหาคอร์รัปชันมากกว่าปากท้อง

Home » โพลหอการค้า ชี้เลือกตั้งครั้งนี้มีจุดเปลี่ยน คนแคร์ปัญหาคอร์รัปชันมากกว่าปากท้อง



โพลหอการค้า ชี้เลือกตั้งครั้งนี้มีจุดเปลี่ยน คนแคร์ปัญหาคอร์รัปชันมากกว่าปากท้อง ต่างจากเลือกตั้งครั้งก่อน คนร้องให้แก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องเป็นลำดับแรก

8 มี.ค. 2566 – นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ ที่ปรึกษาประจำสภามหาวิทยาลัย ม.หอการค้าไทย เผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน ต่อนโยบายต่อต้านคอร์รัปชันของพรรคการเมืองและนักการเมืองไทยในการเลือกตั้ง 2566 คนส่วนใหญ่ 32% ต้องการให้พรรคการเมืองมีนโยบายแก้ปัญหาและพัฒนาประเทศที่เป็นรูปธรรม 31% นโยบายต้องตรวจสอบได้ 24% ต้องใช้งบประมาณให้คุ้มค่า และ 13% นโยบายต้องปฏิบัติได้จริง

ส่วนปัญหาสำคัญ 6 ลำดับแรก ที่ต้องการให้รัฐบาลเร่งแก้ไข
25% ทุจริตคอร์รัปชั่น
14% การศึกษา
13% ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม
12% ยาเสพติด
12% สังคม
11% เศรษฐกิจ

ทั้งนี้คนส่วนใหญ่ 67% ตอบว่านโยบายต่อต้านคอร์รัปชั่นของพรรคการเมือง และนักการเมือง มีผลต่อการตัดสินใจลงคะแนนมาก เพราะต้องการพรรคการเมืองและนักการเมืองที่มีนโยบายต่อต้านคอร์รัปชั่น 28% ตอบว่ามีผลปานกลาง 3% ตอบว่าไม่มีผลเลย เพราะจะเลือกคนที่ชอบ และ 2% ตอบว่ามีผลน้อย

“เมื่อถามว่าประชาชนจะเลือกพรรคการเมือง ที่ไม่มีนโยบายต่อต้านการทุจริตหรือไม่ ส่วนใหญ่ 83.6% ตอบว่าไม่เลือก เพราะต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงภาคการเมืองไทย ขณะที่ 16.4% ตอบว่าเลือก เพราะคอร์รัปชั่นเป็นเรื่องปกติของเมืองไทย”

เมื่อถามว่าจะเลือกนักการเมืองที่ให้เงินซื้อเสียงหรือไม่ ส่วนใหญ่ 86.2% ตอบว่าไม่เลือก เพราะเป็นการทุจริตผิดกฎหมาย ขณะที่ 13.8% ตอบว่าเลือก

“โพลเลือกตั้งครั้งนี้มีจุดเปลี่ยน ต่างจากครั้งก่อน เพราะคนแคร์ปัญหาคอร์รัปชั่นมากกว่าปากท้อง ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องอยู่อันดับ 6 ขณะที่เลือกตั้งครั้งก่อนคนร้องให้แก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องเป็นลำดับแรกรองลงมาคือ การศึกษา และ คอร์รัปชั่น ที่สำคัญประชาชนส่วนใหญ่ 86.2% ตอบเหมือนกันว่าจะไม่เลือกนักการเมืองที่ซื้อเสียง”

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ