โซเชียลวิจารณ์เดือด #เรียกเงินคืนโครงการรัฐ พุ่งติดเทรนด์อันดับ 1 ผู้ประกอบการโดนเรียกคืนเงิน “โครงการเราชนะ” สูงสุด 17 ล้านบาท
กลายเป็นประเด็นร้อนสำหรับแฮชแท็ก #เรียกเงินคืนโครงการรัฐ พุ่งติดอันดับหนึ่งเทรนด์ทวิตเตอร์ หลังผู้ประกอบการร้านค้าหลายรายโดนหมายเรียกจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ให้คืนเงิน โครงการเราชนะ โดยยอดที่โดนเรียกคืนสูงสุดตอนนี้คือ 17 ล้านบาท
โดยมีหนังสือจาก สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) แจ้งผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการเราชนะให้คืนเงิน โดยระบุเหตุผลว่า “เนื่องจากมีพฤติการณ์ที่เข้าข่ายไม่ปฏิบัติตาม หรือฝ่าฝืนหลักเกณฑ์ หรือเงื่อนไขของโครงการ และไม่ได้จัดส่งเอกสารชี้แจงโต้แย้งมาภายในระยะเวลาที่กำหนด ดังนั้น เพื่อให้เป็นไปตามความยินยอมที่ได้ให้ไว้ขณะเข้าร่วมโครงการฯ ให้คืนเงินภายใน 30 วัน นับจากวันที่ได้รับหนังสือนี้”
ทั้งนี้ หากไม่เห็นด้วย สามารถยื่นอุทธรณ์คำสั่งได้ภายใน 15 วัน ทั้งนี้หนังสือของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ลงวันที่ 14 กันยายน 2564
ซึ่งผู้ประกอบการแต่ละรายก็จะถูกเรียกเงินในจำนวนมากน้อยที่แตกต่างกันไป มีตั้งแต่หลักแสนไปถึงหลักล้าน และที่สูงสุดที่นำมาโพสต์คือ 17 ล้านบาท โดยมีรายงานว่า สำหรับกลุ่มที่ถูกเรียกเงินคืนจะเป็นกลุ่มร้านที่รับแลกเงินสด และร้านค้าออนไลน์
ขณะที่ในทวิตเตอร์มีการติดแฮชแท็ก “เรียกเงินคืนโครงการรัฐ” โดยหลายคนแสดงความเห็นว่า คนต้องการแลกเงินสดเพราะมีค่าใช้จ่ายส่วนอื่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าบ้าน มันมีความจำเป็นต้องจ่ายมากกว่าซื้อของกินของใช้ อุปโภคบริโภค เพราะเหตุใดรัฐจึงไม่แจกเป็นเงินสดแทน
สำหรับโครงการเราชนะ คือ มาตรการของภาครัฐ ที่ออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยจะจ่ายเงินเยียวยาจำนวน 3,500 บาท เป็นระยะเวลา 2 เดือน ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม รวมเป็นเงิน 7,000 บาท ผู้ที่ได้รับสิทธิ์เราชนะ จะไม่สามารถเบิกเป็นเงินสดได้ แต่ให้ใช้ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” สำหรับชำระค่าสินค้า อาหาร เครื่องดื่ม และบริการต่างๆ ณ ร้านธงฟ้าประชารัฐ ร้านค้าที่ลงทะเบียนคนละครึ่ง รวมถึงร้านค้าและผู้ให้บริการอื่นๆ ที่ลงทะเบียนเราชนะ