การแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 กลุ่มบี ที่อัล ธูมามา สเตเดียม ประเทศกาตาร์ ทีมชาติเวลส์ ลงสนามนัดที่สามรอบแบ่งกลุ่มพบ อังกฤษ โดย เวลส์ มีเพียง 1 คะแนน จากผลงาน เสมอ สหรัฐอเมริกา 1-1 แพ้ อิหร่าน 0-2 ส่วน อังกฤษ มี 4 แต้ม จากผลงาน ชนะ อิหร่าน 6-2 เสมอ สหรัฐอเมริกา 0-0
สำหรับ เวลส์ มาในระบบ 4-3-3 ประกอบด้วย แดนนี วอร์ด : เนโก วิลเลียมส์, โจ โรดอน, คริส เมแฟม, เบน เดวีส์ : อารอน แรมซีย์, อีธาน อัมพาดู, โจ อัลเลน : แกเร็ธ เบล, คีฟเฟอร์ มัวร์, แดเนียล เจมส์
ส่วน อังกฤษ มาในระบบ 4-2-3-1 ประกอบด้วย จอร์แดน พิกฟอร์ด : ไคล์ วอล์กเกอร์, จอห์น สโตนส์, แฮร์รี แม็กไกวร์, ลุก ชอว์ : จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, เดแคลน ไรซ์ : ฟิล โฟเดน, จูด เบลลิงแฮม, มาร์คัส แรชฟอร์ด : แฮร์รี เคน
ครึ่งแรก อังกฤษ เป็นฝ่ายครองเกมได้เหนือกว่า สร้างโอกาสใส่สกอร์ได้เป็นระยะ โดยโอกาสน่าได้ที่สุดคือจังหวะที่ มาร์คัส แรชฟอร์ด ได้หลุดเดี่ยวเข้าไปยิง แต่ติดเซฟ ก่อนจะจบครึ่งแรกเสมอกัน 0-0
ครึ่งหลัง อังกฤษ ยังคงเป็นฝ่ายได้เปิดเกมรุกเหมือนเดิม กระทั่งนาที 50 อังกฤษได้ฟรีคิกหน้ากรอบ ก่อนเป็น แรชฟอร์ด ที่รับหน้าที่ปั่นเข้าไปสุดสวย ช่วยให้อังกฤษนำ 1-0
ถัดมานาทีเดียว อังกฤษ ได้เฮอีกครั้ง เมื่อ แรชฟอร์ด ใช้ลูกขยันวิ่งไล่บีบจนตัดบอลได้ ก่อนบอลจะทะลักไปถึง แฮร์รี เคน แล้วเปิดไปให้ ฟิล โฟเดน วิ่งมาแปที่เสาสองเข้าไปตุงตาข่ายให้อังกฤษหนีเป็น 2-0
หลังโดนทิ้งสองลูก เวลส์ พยายามเปิดเกมรุกสู้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก จนนาที 68 มาคัส แรชฟอร์ด ได้รับบอลยาวจากมาทางกราบขวา ก่อนใช้ความสามารถเฉพาะตัวเลี้ยงตัดเข้าไปในกรอบแล้วซัดลอดขาผู้รักษาประตูเวลส์เข้าไปให้ อังกฤษ นำห่าง 3-0
ช่วงเวลาที่เหลือ อังกฤษ ยังคงเล่นตามเกมของตัวเอง พลางหาโอกาสทำประตูเพิ่ม ขณะที่ เวลส์ ไม่สามารถสร้างเกมบุกกดดันอังกฤษได้เลย จบ 90 นาที อังกฤษ ชนะ เวลส์ 3-0 เก็บเพิ่มเป็น 7 คะแนน รั้งจ่าฝูงของกลุ่มบี ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายพบ เซเนกัล อันดับ 2 กลุ่มเอ ส่วนเวลส์ มี 1 คะแนน ตกรอบ