แม่ใจสลาย! ลูก 10 ขวบ ปวดท้องหนัก นอนรอหมอผ่าตัด 10 ชม. สุดท้ายไส้ติ่งแตกเสียชีวิต

Home » แม่ใจสลาย! ลูก 10 ขวบ ปวดท้องหนัก นอนรอหมอผ่าตัด 10 ชม. สุดท้ายไส้ติ่งแตกเสียชีวิต


แม่ใจสลาย! ลูก 10 ขวบ ปวดท้องหนัก นอนรอหมอผ่าตัด 10 ชม. สุดท้ายไส้ติ่งแตกเสียชีวิต

แม่ใจสลาย! ลูก 10 ขวบ ปวดท้องหนักจนเพ้อ พาไปรพ.นอนรอหมอมาผ่าตัด ข้ามคืนตั้งแต่ 4 ทุ่ม ยัน 9 โมงเช้า รวม 10 ชม.สุดท้ายไส้ติ่งแตกเสียชีวิตสลด

เมื่อวันที่ 7 มี.ค.65 นางสายหยุด (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี อาชีพพนักงานของโรงงานแห่งหนึ่ง ชาว ต.วังท่าช้าง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ร้องเรียนต่อสื่อมวลชนในจังหวัดสระแก้ว ให้ช่วยตรวจสอบกรณีลูกชายวัย 10 ขวบนักเรียนชั้นป.5 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน ต.ศาลาลำดวน ที่นอนรอหมอผ่าตัดของ โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว นานกว่า 10 ชั่วโมง จนไส้ติ่งแตกเสียชีวิต

โดยแม่อยากให้โรงพยาบาลปรับเปลี่ยนวิธีการทำงาน อยากให้ชีวิตของลูกชายเป็นกรณีสุดท้าย ไม่ใช่กรณีศึกษา

ขณะที่เฟซบุ๊กของโรงพยาบาล ออกแถลงการณ์เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา โดยอภัยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและพร้อมจะปรับรูปแบบการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากกว่านี้

ตลอด 2 ถึง 3 วันที่ผ่านมา ในกลุ่มโลกโซเชี่ยลของคนในจังหวัดสระแก้ว ได้แสดงความคิดเห็นไปต่างๆนานา กรณีเด็ก 10 ขวบ ต้องนอนรอหมอผ่าตัดอยู่ภายในโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว แต่ขั้นตอนการรับตัวเข้าไปรักษาของหมอประจำโรงพยาบาลล่าช้า จนทำให้เด็กที่ได้รับการวินิจฉัยว่าต้องได้รับการผ่าตัดไส้ติ่ง กลับต้องนอนรอหมอผ่าตัดไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมง จึงจะเข้าห้องผ่าตัด ก่อนที่หมอจะใช้เวลาเพียงไม่นาน ออกมาบอกกับแม่เด็กว่า เด็กเสียชีวิตแล้ว

ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังวัดห้วยกระบอก หรือวัดถ้ำเขามะกา ต.ศาลาลำดวน อ.เมือง จ.สระแก้ว สถานที่จัดงานสวดอภิธรรมศพเด็ก 10 ขวบคนนี้

โดยทีมข่าว พูดคุยกับ นางสายหยุด แม่ของเด็ก ชาวบ้านเขาปูน จ.ปราจีนบุรี เขตรอยต่อติดกับจังหวัดสระแก้ว นางสายหยุด เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า หลังพาลูกชายซึ่งมีอาการปวดท้องอย่างหนักไปรักษาที่ รพ.สมเด็จพระยุพราชสระแก้ว ซึ่งเป็นรพ.ที่ใกล้ที่สุดใช้เวลาแค่ 15 นาที ก็พาเด็กมาถึงรพ.ตั้งแต่ช่วง 4 ทุ่มเศษ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะพาเข้าไปตรวจในห้องฉุกเฉิน และวินิจฉัยว่าน้องต้องผ่าตัดเอาไส้ติ่งออก

แต่น้องกลับต้องนอนรอหมอผ่าตัดไปจนถึง 9 โมงเช้า ของอีกวัน (4 มี.ค.) จึงจะได้เข้าห้องผ่าตัด เมื่อเข้าไปในห้องผ่าตัดได้ไม่นาน ทีมหมอออกมาบอกกับแม่ว่า น้องอาการโคม่า มีหนองออกเต็มช่องท้อง (ไส้ติ่งแตกแล้ว) ก่อนจะใช้เครื่องปั๊มหัวใจ และยืนยันเวลาน้องเสียชีวิต เมื่อเวลาบ่าย 3 โมงครึ่งวันเดียวกัน

โดยก่อนหน้านั้นตนนั่งคุยกับลูกไปสักพักเหมือนน้องมีอาการไข้ขึ้น พูดไม่ตอบสนองโต้ตอบเช่นเดิม จึงเรียกพยาบาลมาดูบอกว่า น้องปวดท้อง พยาบาลมาดูวัดไข้ วัดความดัน จึงให้เอาผ้ามาเช็ดตัวในห้องแยกผู้ป่วยตึกกุมารเวช ชั้น 3 ให้แม่เช็ดตัวจนไข้เริ่มลด ลูกมีอาการเดี๋ยวหนาวเดี๋ยวร้อน คุยไปจนตี 4 กว่าเกือบตี 5 น้องเริ่มมีอาการเพ้อ พูดไม่รู้เรื่อง ถามโน่นนี่ พยายามจะแกะและดึงสายที่ฉีดยาออกจนยื้อไม่ไหว

จึงเรียกพยาบาลมาช่วย เขาเข้ามาดูและเอายามาให้อีกหลอด มาวัดไข้และความดัน หลังจากน้องเริ่มเพ้อหนักขึ้น และในช่วงเช้าตี 5 ถึง 6 โมงของวันที่ 4 มี.ค. น้องไม่รู้เรื่องแล้ว พยาบาลโทรไปหาหมอ จนหมอมาดูบอกให้เช็ดตัว ให้แม่ไปซื้อผ้าเช็ดตัวที่เซเว่นฯ มาเช็ดตัว เห็นหมอและพยาบาลมารุมที่ตัวน้อง

นางสายหยุด กล่าวต่อว่า แม่ยืนรออยู่ข้างนอก พอน้องสงบได้สักพัก ไม่รู้ว่าฉีดยาอะไรให้ หมอถามอะไรน้องก็ไม่ตอบ เมื่อตนเข้าไปคุยกับลูก ถามว่าลูกจำได้มั้ยว่าชื่ออะไร ลูกก็บอกถูก แต่น้องเริ่มมีอาการเหม่อลอย ๆ ตนคิดว่าลูกจะได้ผ่าตัด ตอนนั้นมีอาจารย์หมอมาดู น้องมีอาการนิ่งๆ และเบลอ สลับกับโวยวายด้วย พยาบาลมารุมจับน้องให้นำยาและเครื่องมืออื่นๆ มา จับน้องมัดแขน มันขา เนื่องจากน้องดิ้น เพราะความเจ็บปวด ตอนนั้นหมอเดินมาบอกแม่ว่า อาการน้องหนักนะคุณแม่

หลังจากตี 5-6 โมง ส่งน้องไปทำสแกนคอมพิวเตอร์ในอาการเพ้อ หลังรุมใส่สายเครื่องมือต่างๆ พร้อมจะพาน้องเข้าห้องผ่าตัด มีใส่สายและมีที่ปั๊มหัวใจด้วย จนช่วงเวลา 09.33 น. นำน้องเข้าห้องผ่าตัด และให้แม่เซ็นเอกสารและแม่นั่งรออยู่หน้าห้องผ่าตัด กระทั่งประมาณ 10 โมงกว่า เจ้าหน้าที่นำน้องออกมา หมอบอกว่า ยังไปกับน้องไม่ได้ น้องต้องไปตึกอุบัติเหตุห้องไอซียู 2 ก่อน

โดยที่หมอที่ผ่าตัด ออกมาและบอกว่า น้องมีอาการหนักมาก 50-50 หมอผ่าท้องน้องแล้ว พบว่าไส้ติ่งแตก หนองเต็มท้องเลย แม่ถึงกับร้องไห้โฮ แล้วถามหมอว่า ก่อนหน้านี้หมอก็คอนเฟิร์มว่า เด็กเป็นไส้ติ่งอักเสบ แล้วทำไมไม่ผ่าให้น้องตั้งแต่ 4 ทุ่มเมื่อคืน หมอก็ไม่ตอบอะไร โดยแม่นั่งรออยู่หน้าห้องฉุกเฉิน

จากนั้นก็มีการช่วยชีวิตเด็กอีก แม่รอประมาณ 11 โมง หมอเดินมาบอกแม่อีกว่า น้องความดันต่ำ 50-50 ก็โทรบอกญาติ โทรบอกพี่สาวให้ช่วยบนเจ้าที่เจ้าทางให้หน่อยให้น้องรอด รอจนเที่ยงกว่า หมอออกมาบอกอีกว่า น้องอาการหนักอีกรอบ 50-50 เหมือนเดิม ก็เลยถามว่า น้องอาการเป็นยังไงบ้าง จนหมอยอมให้แม่เข้าไปดูน้องตอนบ่ายโมงเศษ ตอนนั้นมีสายเต็มไปหมด ลูกนอนนิ่งเหมือนไม่รับรู้อะไร

“ลองคิดถึงหัวอกคนเป็นแม่ อยู่กับลูกตลอดเวลาที่ลูกนอนปวดท้อง เห็นลูกนอนดิ้นทุรนทุราย นอนรอหมอนานมาก จนตั้งแต่กลางดึกจนเช้าข้ามวัน กระทั่งเกิดอาการเพ้อ พูดจาไม่รู้เรื่อง ส่วนตัวไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงไม่มีหมอผ่าตัดให้กับคนไข้ที่มีอาการฉุกเฉินแบบนี้ เพราะในช่วงเวลาที่นอนรอหมอผ่าตัด ก็เห็นเจ้าหน้าที่ หรือแม้แต่หมอประจำเวรเอง ยังนั่งเล่นโทรศัพท์เหมือนไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลย” นางสายหยุด กล่าว

และ เมื่อทีมข่าวสอบถามนางสายหยุด ต้องการเรียกร้องอะไรจากหน่วยงาน เพื่อให้เคสของน้องสงกรานต์เป็นกรณีศึกษา โดยนางสายหยุดยืนยันว่า ไม่อยากให้เคสน้องเป็นกรณีศึกษา แต่อยากให้เป็นกรณีสุดท้าย เพราะชื่อเสียงของโรงพยาบาลในเรื่องของการรักษาคนไข้ ค่อนข้างจะมี ชาวบ้านตำหนิกันเป็นจำนวนมาก

ขณะเดียวกัน ในช่วงเช้าเฟซบุ๊กโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว ออกแถลงการณ์ โดยแสดงความเสียใจและขออภัยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยทีมผู้บริหารโรงพยาบาลเข้าพูดคุยทำความเข้าใจกับครอบครัวน้องสงกรานต์แล้วและจะนัดพูดคุยกับแม่น้องสงกรานต์ ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช

นอกจากนั้น ทางโรงพยาบาลเองยังตั้งกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเรื่องนี้เป็นกรณีพิเศษ เพื่อแก้ไขปรับปรุงระบบการทำงาน ป้องกันการเกิดเหตุซ้ำอีก

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ