แม่ชีจู๊ด อดีตผู้จัดการ ฟ้องกลับ เฟี้ยว์ฟ้าว วอนอย่าให้ความเท็จ ให้สมกับปฏิบัติธรรม

Home » แม่ชีจู๊ด อดีตผู้จัดการ ฟ้องกลับ เฟี้ยว์ฟ้าว วอนอย่าให้ความเท็จ ให้สมกับปฏิบัติธรรม



แม่ชีจู๊ด อดีตผู้จัดการ ฟ้องกลับ เฟี้ยว์ฟ้าว วอนอย่าให้ความเท็จ ให้สมกับปฏิบัติธรรม

แม่ชีจู๊ด อดีตผู้จัดการ / จากกรณี นักแสดงสาว เฟี้ยว์ฟ้าว สุดสวิงริงโก้ เดินทางมาแจ้งความ แม่ชีจู๊ด ฐานิตา ปิ่นแก้ว และมารดา วัย 80 ปี ที่ สน. บางเขน 2 ข้อหา ข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และข้อหายักยอกทรัพย์ หลังทำธุรกิจบริษัททัวร์ร่วมกัน และได้มีเรื่องราวบาดหมางใจ

ล่าสุด วันที่ 19 เม.ย. 65 ที่ สน.ประเวศ แม่ชีจู๊ด ฐานิดา ปิ่นน้อย และ ทนายแป๊ะ หรือ นายพิพัฒน์ รำจวน อดีตผู้จัดการ แจ้งความกลับ เฟี้ยว์ฟ้าว สุดสวิงริงโก้ ข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ว่าด้วยการแถลงข่าวเท็จ ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง

แม่ชีจู๊ด กล่าวว่า “วันนี้มาลงบันทึกลงประจำวันกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากที่ได้รับทราบในสิ่งที่เขาได้มาแถลงข่าวเมื่อวันที่ 26 ม.ค.ที่ผ่านมา สิ่งต่างๆ ที่เขาพูดไม่ใช่ความจริง แม่ชีเอาเอกสารหลักฐานทุกอย่างในสิ่งที่เขาพูดกล่าวหาทั้งหมด ข้อที่ 1 กล่าวหาว่าแม่ชีโกงเงินหลักล้าน ไม่จริงค่ะ 2.บอกว่าลูกค้าโอนเงินเข้าบัญชีเรา 7 หลัก

แล้วลูกค้าเพิ่งมาถามเขาเดือน ก.ย.ปีที่แล้ว ว่าทำไมเขาไม่ไปทำงานให้ลูกค้า ตรงนี้แม่ชีก็มีหลักฐานยืนยันว่าเขาไปทำงานให้ลูกค้าเรียบร้อยแล้ว 3.กล่าวหาว่าแม่ชีรวมหัวกับบริษัทเอเจนซี่ตั๋วเครื่องบินร่วมกันฉ้อโกง ซึ่งไม่เป็นความจริง ทุกข้อกล่าวหาแม่ชีปฏิเสธทั้งหมดและมีหลักฐานชัดเจน”

สิ่งที่ทางฝั่งนั้นแถลงไปกระทบกับตัวเราแค่ไหน? “เขาบอกว่าแม่ชีไปใส่ร้ายทำให้เขาเสื่อมเสียชื่อเสียง อยากจะบอกว่าแม่ชีก็มีสังคม ไม่ใช่เขามีคนเดียว รวมถึงมีธุรกิจส่วนตัว ทำบริษัทออร์แกไนเซอร์มาเป็น 10 ปี ไม่ใช่ไม่มีงานทำ ครอบครัวแม่ชีอย่างคุณพ่อสมัยก่อนก็มีชื่อเสียงในวงการสื่อ สิ่งที่เขาออกมาพูดทำให้ครอบครัวแม่ชีเสื่อมเสียชื่อเสียง

แต่สิ่งที่เสียใจที่สุด คือล่าสุดเขามาแจ้งความคุณแม่ของแม่ชี วันนั้นเห็นชื่อคุณแม่ในเอกสารของตำรวจว่าเป็นผู้ต้องหาคดีฉ้อโกง ปีนี้คุณแม่อายุ 80 ปีแล้ว จิตใจเขาทำด้วยอะไร แม่ชีอยากออกมาเรียกร้องสิทธิ์เพื่อปกป้องคุณแม่ ธุรกิจที่ทำด้วยกันมาทุกอย่างเคลียร์ไปหมดแล้ว มีหลักฐานทุกอย่าง สนิทกันมา 7 ปี เขาใส่ร้ายแม่ชีไม่พอ ล่าสุดมาทำกับคุณแม่แม่ชีได้ยังไง”

คิดว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดไหม? “แม่ชีว่าไม่มีเรื่องการเข้าใจผิดหรอก แต่ไม่รู้ว่าเขาทำเพื่ออะไร ทุกคนรู้แก่ใจตัวเอง ไม่มีใครรู้ดีเท่าเราสองคน วันนี้ต่างมีปัญหากันแต่แยกกันดีๆ ไม่ได้เหรอ ตอนนั้นมีปัญหาส่วนตัวกันแต่ขอไม่พูด แม่ชีรู้จักเขามาเกือบ 20 ปี แต่ สนิทมากๆ ที่อยู่ด้วยกัน 24 ชม. คือ 7 ปี วันหนึ่งมีปัญหากันบ๊ายบายกันดีๆ ได้ไหม”

ปัญหาที่ว่าเกี่ยวกับเรื่องเงินไหม? “ตลอดเวลาที่ผ่านมาแม่ชีดูแลเขาที่บอกว่าเป็นผู้จัดการส่วนตัว แม่ชีไม่เคยได้เงินแม้แต่บาทเดียว ไม่เคยได้เงินเดือน ไม่เคยได้โบนัส ไม่เคยได้ค่าคอมมิชชั่นในฐานะผจก.ส่วนตัว ด้วยความเป็นห่วงเขาก็ช่วยดูแล ขับรถพาเขาไปทุกอย่าง ถามที่ไหนก็ได้ แม่ชีเป็นห่วงเขามาก หลังจากที่มีปัญหากัน

เขาก็ไปบอกให้คนอื่นฟังว่าเขาให้เงินเดือนแม่ชีเดือนละ 50,000 ให้โบนัสปีละเป็นแสน ความจริงไม่เคยได้ แต่แม่ชีก็ไม่คิดจะเรียกร้อง เพราะดูแลเขาจากใจ ถามว่าแล้วที่ผ่านมาแม่ชีมีรายได้จากไหน รายได้จากบริษัทออร์แกไนเซอร์ที่เป็นธุรกิจส่วนตัว

ช่วงที่สนิทกับเขา 7 ปีก็ทำธุรกิจด้วยกันหลายอย่าง มีการแบ่งเงินกันจริง แต่ในพาร์ตของผจก.ส่วนตัวไม่เคยได้เงินแม้แต่บาทเดียว ส่วนปัญหาที่ทะเลาะกันเป็นเรื่องส่วนตัว แยกกันเมื่อ ต.ค.ปีที่แล้ว จบไม่ได้ดี เคลียร์แบบไม่ดี”

ด้าน ทนายความ กล่าวเสริมว่า “สำหรับวันนี้ในท้องที่สน.ประเวศ จะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทในการโฆษณา หลังจากแม่ชีทราบเกี่ยวกับการแถลงข่าวของคู่กรณีเลยจำเป็นต้องมาร้องทุกข์ที่สน.นี้ เนื่องจากในข้อความที่แถลงข่าวมีการใส่ร้ายทำให้บุคคลอื่นเข้าใจแม่ชีในทางที่ผิด นอกจากที่เขาออกมาแถลงข่าวแล้วก็ยังมีที่โพสต์ตามเฟซบุ๊กและไอจีอีก ซึ่งจะอยู่คนละท้องที่ก็จะดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษไปตามแต่ละท้องที่ไป”

ล่าสุดเห็นว่าจะฟ้องพี่ชายของเฟี้ยว์ฟ้าวด้วย? “ล่าสุดทางฝั่งเขามาแจ้งความแม่ชี 2 คดี หมิ่นประมาทว่าแม่ชีไปปลุกปั่นลูกทัวร์ ตลอดเวลาที่ทำทัวร์ด้วยกันแม่ชีเป็นคนทำงาน ลูกทัวร์ล่าสุดของกลุ่มพม่าเมื่อปี 2563 แต่ไม่ได้เดินทางเพราะมีโควิด ลูกทัวร์กลุ่มนี้แม่ชีเป็นคนคุยแต่เพียงผู้เดียว บริษัทไม่ได้มีพนักงาน มีเขา พี่ชาย และแม่ชี พอถึงเวลาไม่ได้เดินทางลูกทัวร์มาเรียกร้องขอเงินคืน

แม่ชีก็แจ้งว่าเลื่อนซึ่งก็ดำเนินการเลื่อนจริงๆ ลูกทัวร์บางคนโอเค บางคนก็ไม่โอเค คนไม่โอเคแม่ชีก็โอนเงินคืน เพราะเงินอยู่ที่แม่ชีจริง เสร็จแล้วช่วง ต.ค. หรือ พ.ย. ที่มีปัญหากัน เขาโพสต์รูปแม่ชีว่าบุคคลนี้ไม่ได้เป็นผจก.ส่วนตัวของเขาแล้ว ไม่มีการเกี่ยวข้องกันแล้ว ลูกทัวร์ทุกคนก็ติดต่อมาที่แม่ชี เพราะไลน์ลูกทัวร์ทุกคนอยู่ในมือถือแม่ชี แม่ชีเลยบอกว่างั้นโทรไปติดต่อทางเขาเลย

จริงๆ ตอนแรกเงินอยู่ที่แม่ชี เสร็จแล้วพอแตกหักกันแม่ชีก็ไปเคลียร์เอกสารไปลงบันทึกประจำวันเรียบร้อย แล้วที่นี้ลูกทัวร์มาทวงแม่ชีจึงได้บอกว่าติดต่อไปทางเขาเลย เพราะแม่ชีไม่เกี่ยวแล้ว แต่ด้วยความที่แม่ชีคุยกับลูกทัวร์มาตลอด ทางลูกทัวร์ก็โทรไปทางนั้นซึ่งทางนั้นแจ้งกับลูกทัวร์ว่าแม่ชีฉ้อโกงและได้ไปแจ้งความแม่ชีแล้ว

เงินอยู่กับแม่ชี เงินอยู่กับพม่า เงินอยู่ที่บริษัทตั๋ว ถ้าลูกทัวร์จะเอาเงินคืนเดี๋ยวเขาจะควักเงินในกระเป๋าคืนให้ 30% ตรงนี้แม่ชีก็มีหลักฐาน แต่ลูกทัวร์พอได้ยินแบบนั้นก็ต้องเข้าใจว่าแม่ชีเป็นคนไม่ดีแล้ว
แล้วเขาก็ไม่ยอมคืนลูกทัวร์เต็มจำนวน ลูกทัวร์เหล่านั้นเลยต้องมาขอความช่วยเหลือจากแม่ชี แม่ชีก็ต้องเล่าเรื่องจริงให้ฟัง

พร้อมแนะนำให้ลูกทัวร์ไปเรียกร้องเงินคืนจากทางเขา แล้วถ้าไม่ได้คืนยังไงก็ไปร้องเรียนกรมการท่องเที่ยวแล้วกันเดี๋ยวแม่ชีจะประสานให้ จนวินาทีสุดท้ายที่เขารู้ว่าจะไปร้องเรียน เขาถึงคืนเงินลูกทัวร์แต่ไม่คืน 100%”

เรื่องที่เกิดขึ้นได้มีการพูดคุยกันหลังบ้านไหม? “โทรไปหาเขาอยู่ว่าพอเถอะ ถ้าไม่พอแม่ชีขอออกมาพูดความจริงบ้างนะ เขาตอบกลับมาว่าไม่ต้องมาขู่ กลายเป็นว่าแม่ชีไปขู่เขา หลังจากนั้นก็ไม่คุยกันอีก เรื่องว่าจะมีการยอมความกันไหมคงให้คุยกับทางทนาย

แต่อย่างที่บอกว่าไม่ใช่ครั้งแรกที่โดน เคยมีเหตุการณ์นี้กับคนอื่นมาแล้ว จริงๆ ครอบครัวแม่ชีรักเขามาก ไม่อยากให้แจ้งความด้วยซ้ำ แต่อันนี้มันรับไม่ได้กับการที่มาแจ้งความคุณแม่แม่ชีว่าฉ้อโกง ตอนนี้ครอบครัวก็อยากให้ดำเนินการถึงที่สุด”

อยากบอกอะไรกับทางเฟี้ยว์ฟ้าว? “อยากให้เขาพอได้แล้วกับอะไรที่มันไม่จริง แล้วถ้าฝั่งนั้นมีหลักฐานมาอีกก็ให้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมเพราะตรวจสอบได้อันไหนจริงอันไหนเท็จ แม่ชีเชื่อในความจริง

พูดตรงๆ เลยแม่ชียังมีความรู้สึกดีๆ กับเขาอยู่ แต่คนรอบข้างเขาบอกว่ามันถึงเวลาที่แม่ชีต้องออกมาพูดบ้างแล้ว ทั้งที่ความจริงแม่ชีไม่ได้อยากออกมาทำอะไรแบบนี้เลย จริงๆ เขาเป็นนักแสดงที่น่ารักมาก แต่เรื่องไหนไม่จริงก็พอได้แล้ว ให้สมกับที่เขาบอกทุกคนว่าเขาไหว้พระเขาปฏิบัติธรรม เขาทำอะไรก็รู้แก่ใจตัวเอง อยากให้เขาหยุดค่ะ”

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ