แม่ค้าเล่าที่มาป้าย “หยุดร้านไปตบเมียน้อย” ติดขำ ๆ แจ้งลูกค้าประจำ แต่ได้เค้าโครงจากเรื่องจริงสุดขม เฉลยแล้วหายไปไหนมา

จากกรณีภาพที่ถูกแชร์กันในโลกออนไลน์ หลังแม่ค้าขนมปังขึ้นป้าย “ขอปิดร้าน 4-5 วัน ไปตามตบเมียน้อย เดี๋ยวมาเล่านะจ๊ะ” ทำเอาชาวเน็ตว้าวุ่นกันไปหมด แห่เข้าไปคอมเมนต์ขอติดตามเรื่องราว และรอฟังอัปเดต

ล่าสุด แม่ค้าที่เป็นเจ้าของป้ายดังกล่าว ได้โพสต์ชี้แจงลงเฟซบุ๊กกลุ่ม “กลุ่มที่ไม่ว่าพิมพ์อะไรเราก็ให้กำลังใจในทุกเรื่องแบบงงๆอิหยังวะ” เล่าที่มาของป้ายว่ามีที่มาจากเรื่องจริงของตนเอง ซึ่งความตั้งใจคืออยากติดป้ายขำ ๆ แต่กลายเป็นไวรัลโดยไม่ตั้งใจ

แม่ค้า ระบุว่า “จากรูปนะจ้า … เราคือเจ้าของร้านเอง 555 อย่าแตกตื่น อย่าตกใจ มาฟัง มาอ่านกันให้ดีๆ 

ต้องบอกก่อนว่า เรากับแฟน คบกันมา 16-17 ปีละ เราสองคนเปิดร้านขนมปังเล็ก ๆ ลูกค้าก็กลุ่มเล็ก ๆ แต่ลูกค้าน่ารักมากทุกคน เราเป็นคนเฮฮา ลูกค้ามาซื้อก็จะคุย จะแซว จะเม้าท์มอย คือเรื่องของเรื่องขนมร้านฉันมันรอนานน่ะ กลัวลูกค้าด่าเลยชวนคุยแก้เซ็ง

รอบแรกหลายเดือนก่อน เราติดป้าย อกหักขอหยุด 2 วัน ก็รอบนึงนะ แต่รอบนี้ เราไปหลายวัน ก็เลยเขียนป้ายไปแบบนั้น ถามว่า .. ทำไมถึงไปตามตบเมียน้อย ต้องบอกเลยว่า คือการตอกย้ำ เอาเรื่องจริงมาพูดเล่นของแทร่ 

ตอกย้ำจากวีรกรรมของอีคุณแฟน ที่สรรหาสร้างเรื่องสร้างราว ปัญหามือที่ 3 มาเป็นระยะ ๆ ตลอด 16 ปีที่คบกัน แต่…อย่าด่า ว่ากูทนทำไม เพราะสุดท้าย มันก็เลือกกูจร้า (ก็คนมันแซ่บอะเนอะ) วีรกรรมมันก็ไม่ได้เลวร้ายมากมายถึงขั้นประสาทแดกนะ กูจับได้ก่อนบานปลายตลอด จมูกดีกว่าหมาตำรวจก็กูนี่แหละ ได้กลิ่นแปลก ๆ ตามเช็กแป๊บเดียว จัดการ..จบ 

นี่แหละ มันเลยเป็นที่มาของ ป้าย. คือขำ ๆ กับลูกค้าประจำที่แวะเวียนมา และแกล้งแฟน ตอกย้ำมันขำ ๆ

เลยขอชี้แจงตรงนี้นะจ้า ก่อนไปกันไกล กลับมา ๆๆ และที่ปิดร้าน ก็ไปธุระตามข่าวที่ออกไปนะจ้า ตอนนี้ยังดี มีชีวิต ไม่ติดคุก ไม่ตาเขียว ไม่ปากแตก ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะจ้า

และก็ขอโทษสำหรับบางคนที่บอกว่าเราสร้างกระแสทำไม เรื่องส่วนตัวจะแสดงออกทำไม คือเราติดป้ายที่ร้านเราเฉย ๆ ลูกค้ามาเอาไปลงเองนะจ้า ไม่ใช่แผนการโปรโมทอะไรของร้านเลย เราเองไปธุระบนเขา สัญญาณขาด ๆ หาย ๆ กะปริบกะปรอยแบบใจจะขาด เลยไม่ได้มาชี้แจงแต่แรก

อดีตชอบตบตี บ้าพลัง แต่ตอนนี้ไม่นิยมความรุนแรง แต่ถ้ามันกวนมากก็จัดไปค่ะเพื่อน ๆ อย่าไปกลัว หัวแตก ปากแตก สนุกดี เชื่อกู”